PHIKANES2515

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558

ขาย แคปซูล นาโน วายไอซี แดนกิมจิ, เกิดมาเพื่อใช้เศษกรรม ตอนที่ 14 "ท่องแดนกิมจิ", Nicky live in South Korean, ณิคกี้ตลุยเกาะนามี,ชมบ้านฝรั่งเศสที่ถ่ายทำซีรี่ปีเตอร์เลิฟซอง, YIC.X-Factorขายดีนำพาท่องเที่ยวแดนโซมได้, เซียนปุ๋ยกะณิคกี้มีดีมาอวดที่แดนกิมจิ, ฟังเพลงอารีดังในโรงละครกลางกรุงโซล, สนใจปุ๋ยแคปซูลนาโน YIC.โทร.08 9601 5286 ณิคกี้คนบ้าขายปุ๋ย/ผู้เขียน

www.phikanes.com เว็ปไซด์ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และตอบโจทย์เรื่องการเกษตรได้ตรงใจค่ะ


การได้ไปท่องเที่ยวยังต่างแดน ต่างบ้าน ต่างเมืองในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตนั้น ใครบ้างที่จะไม่ปรารถนา ฉันคนหนึ่งที่ฝันว่า ถ้ามีโอกาสจะขอไปเยือนแดนกิมจิ ฟังเพลง "อารีดัง" นั่งชิมโสมต้นตำหรับกับเขาบ้างเหมือนกันแน่นอน ที่กล่าวมานี้ ก็คือ "ประเทศเกาหลีใต้(South Korea)" นั่นเองค่ะ


"Nicky live in South Korea" ผู้เขียนตั้งใจจะถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกตามที่ไปสัมผัสมาในช่วงปลายฤดูหนาวต่อฤดูใบไม้ผลิค่ะ อากาศเย็นถึงค่อนข้างหนาวจัด อุณหภูมิระหว่าง -1 ํ ถึง 15 ํ เซลเซียส ค่ะ  การเดินทางไปด้วยเครื่องบินลำโต ที่มีที่นั่งตั้งแต่ 280 ที่นั่ง จะนั่งสบายกว่าเครื่องบินลำเล็ก เวลาตกหลุมอากาศ รู้สึกนั่งสบายกว่าไม่เครียด และจะได้ยินประกาศจากกับตันไม่บ่อยเหมือนเครื่องบินลำเล็กเวลาเจอสภาพอากาศแปรปรวนค่ะ อาหารการกินบนเครื่องพออิ่มและสดชื่นค่ะ แอร์โฮสเต็ท และสจ๊วท หรือบริกรบนเครื่องให้บริการดีค่ะ พักหลังๆ ได้มีโอกาสเดินทางบ่อยๆ จึงทราบว่าการนัดหมายกับเพื่อนฝูง การตรงเวลา กับกรุ๊ปทัวร์นั้นสำคัญ เพราะเวลาในการเดินทางไกล และยิ่งไปกันเยอะๆ หลายคณะ หลายๆ กลุ่มด้วยแล้ว หากเราช้าคนเดียว นั่นหมายถึงเครื่องบินต้องจอดรอรับเราคนเดียวก็มีค่ะ แต่ดีนะที่ไม่ใช่คณะของเราชาว YES I CAN แน่นอนค่ะ  เพราะทุกคนดูตื่นเต้นเตรียมตัวกันล่วงหน้า ประสานงานกันผ่าน Social network ทั้ง FACEBOOK  LINE  MOBILE PHONE กันเป็นอย่างดี แม่ทีมก็ใส่ใจทีมงาน ได้ทัวร์คุณภาพอย่าง บจ.โซดาทัวร์ ด้วยก็ฉลุยเลยคะ ครั้งนี้เราเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าสู่ สนามบินอินชอน ค่ะ ใช้เวลาประมาณ 5 ช.ม. เวลาที่ประเทศเกาหลีจะเกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมงค่ะ ดังนั้นพวกเราต้องไปปรับเวลากันที่ประเทศเกาหลีที่สนามบินดีที่สุดค่ะ จะได้ไม่พลาดไม่งงกันค่ะ ขากลับก็ต้องทำเหมือนกัน คือ ถึงเมืองไทยลงสนามบินแล้วก็ปรับกลับคืนมา 2 ชั่วโมงค่ะ
เพิ่มคำอธิบายภาพ


เรื่องอาหารการกินทางทัวร์ก็เน้นสดอร่อยรวดเร็วมีระบบเป๊ะ(System) เพราะที่ไปทานกันนั้นมีกรุ๊ปทัวร์คณะอื่นไปด้วย การจัดสรรสถานที่ก็เลยกำหนดโต๊ะละ 4 ก่อนตามธรรมเนียมค่ะ การเสิร์ฟทางร้านก็จัดกันเต็มอิ่มไม่อั้น แถมมีน้ำจิ้มจากไทยไว้บริการเสริมอีกต่างหาก ทุกมื้ออิ่มอร่อย เป็นอาหารพื้นเมืองแต่ละเมืองค่ะ เนื้อย่างเกาหลีชิ้นโตๆ ผักสดๆ ข้าวเม็ดส้้นๆ เรียกว่า ผับ ถ้าต้องการข้าว 3 ถ้วยก็บอกว่า ผับ ผับ ผับ ต้องการความเค็มก็ร้องขอซีอิ้วขาว "คันจัง" พริกป่นก็บอกเขาว่า "คารู" ต้องการน้ำซุบซาหร่ายก็บอกว่า "เม่ียกู" พอผสมกันก็บอกทางร้านทีเดียวเลยก็ได้ว่า "เมียกู คารู คันจัง ผับ ผับ ผับ" จบค่ะ ไม่ตลกค่ะ แต่จริงๆ



สถานที่ท่องเที่ยวที่ทางทัวร์จัดให้นั้นเน้นให้ประทับใจสุดๆ อย่างเช่น ชิมสตรอเบอรี่ผลโตๆ สดๆ จากฟาร์ม ที่ได้รสชาดทั้งหวานหอมกรอบอร่อยจริงๆ ค่ะ ได้นำกลับมาฝากกันหลายกล่องเลย โดยเขาจะส่งให้ตอนจะขึ้นเครื่องกลับค่ะ เพราะจะได้ไม่ช้ำและอยู่ได้นานขึ้นก่อนถึงปลายทางค่ะ


เสร็จก็แวะเรียนการทำกิมจิ ที่เป็นอาหารประจำชาติของชาวเกาหลีกันต่อค่ะ สนุก ได้ความรู้ เห็นวัฒนธรรมการกินอยู่ ซึ่งเหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศที่มีแต่ภูเขาที่ไม่ค่อยมีต้นใหม่ แต่มีแร่เหล็กเยอะมาก เขาจึงผลิตรถยนต์ที่แข็งแรง ราคาแพงๆ สวยๆ กันอย่างมากมายใช้กันแบบชาตินิยมสุดๆ รถยนต์ยี่ห้ออื่นชิดซ้ายไปเลยละกันค่ะ   ว่ากันต่อเรื่องกิมจินะคะ เขาก็เพียงใช้พักกาดขาวมาหลักเกลือ แล้วปรุงด้วยเครื่องแกงที่มีส่วนผสมสมุนไพรอย่างโซมอยู่ด้วยค่ะ พวกเขาจึงแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายนั่นเองค่ะ เรียกว่าทุกเมนูที่ทานอาหารนั้นรู้เลยว่ามีโซมทุกมืื้อก็ว่าได้ค่ะ ทำเสร็จเขาก็จะนำที่เราเรียนนั้นไปบริจาคให้บ้านพักคนชรา และทหารที่ชายแดนค่ะ น่ารักไหมคะ น้ำใจแม่ค้าช่างงามนัก ผู้เขียนเลยอุดหนุดไปหลายเหมือนกันค่ะ


เสร็จก็ลงมาลองแต่งตัวแบบชาวเกาหลีดูบ้างค่ะ ก็อย่างที่เห็นค่ะ ว่าชาวเกาหลีอยู่ท่ามกลางความหนาวเย็น ดังนั้นชุดของเขาก็จะเน้นคลุ้มๆ ให้ร่างกายอบอุ่นค่ะ สีสันก็สวยสดอย่างที่เห็นค่ะ มาแล้วไม่ลองเดียวเขาจะว่ามาไม่ถึงเกาหลีนะดิ 

มาต่อกันที่สวนสนุก Everland ที่มีสถานที่ให้ชมสวนดอกไม้สวยงามทั้งทิวลิปและดอกไม้เมืองหนาวสวยๆ มากมายค่ะ เครื่องเล่นบันเทิงเริงใจก็เพียบพาบไปหมดค่ะ กว้างขวางมากๆ เราเที่ยวกับฟรีโดยทัวร์บริการให้หมดค่ะ



วันต่อมาเราก็มีโปรแกรมไปเที่ยวชมสถานที่ถ่ายซีรี่เกาหลี ที่มีอาณาบริเวณสวยสตายฝรั่งเศส ก่อนข้ามไปยัง "เกาะนามิ" ค่ะ ที่นี่เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวที่มาเกาหลีมักจะไม่พลาดค่ะ เพราะมีวิวทิวทัศน์เป็นธรรมชาติที่คงอยู่มานานหลายร้อยปีตั้งแต่สมัยราชวงษ์ฮั่น มาตั้งรกรากที่ประเทศเกาหลีก็ว่าได้ สังเกตุจากต้นสนที่ใหญ่โตมากๆ นั่นเองค่ะ เกาะตั้งอยู่ในทะเลสาปน้ำจืดที่งดงามมากค่ะ


 

ตอนบ่ายๆ ก็เริ่มโปรแกรมช็อปปิ้งพวกเครื่องสำอาง และก็มาชมโชว์การแสดงที่โรงละครที่จัดได้สมจริงและสนุกได้อารมณ์ของการชมละครสดค่ะ  เสร็จจากที่นี่เราก็รับประทานข้าวกันก่อนที่จะไปเที่ยวบน Seoul Tower ที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงใกล้ๆ กรุงโซล ที่สูงตระหง่าน มองวิวทิวทัศน์ได้รอบทิศอย่างสวยงามด้วยแสงไฟยามค่ำคืนค่ะ เราขึ้นไปโดยการลงจากรถบัส แล้วเดินต่อขึ้นเขาไปอย่างชันทีเดียวค่ะ เล่นเอาหอบเหมือนกัน แต่ดีที่อากาศเย็นเลยไม่ค่อยเหนื่อยค่ะ แล้วก็ไปคล้องกุญแจคู่รักอมตะนิรันดร์กาลเหมือนชาวบ้านเขาทำกันเป็นล้านๆ คู่ก็ไม่ผิดแน่นอน เพราะเยอะมากๆ ค่ะ จึงสังเกตุเห็นได้เลยว่าปัจจุบันนี้ไลฟ์สไตน์ของคนเกาหลีนิยมทานข้าวนอกบ้าน ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ รถใหม่ๆ ใช้เครื่องสำอางดีๆ อาหารเสริมคุณภาพสุดยอด จึงทำให้พวกเขาผิวขาวใส หุ่นดี ดูมีบุคลิก แม้หน้าตาจะหมวย จะตี๋ก็ตามค่ะ

 


เช้าก่อนวันกลับคณะเราชาวเยสไอแคน ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชม "พระราชวังจียังบ็อก" กันค่ะ ซึ่งของเดิมนั้นได้ถูกชาวญี่ปุ่นเผาทำลายไปแล้ว เหลือแต่ต่อทางรัฐบาลเขาเลยบูรณะขึ้นมาใหม่ให้เหมือนจริง ซึ่งก็สวยงามอย่างที่เห็นค่ะ จึงทำให้เราทราบกันดีว่าชาวเกาหลีเขาต่อยอดเก่งทุกๆ เรื่องค่ะ ฉลาด แคล่วคล่อง ว่องไว เดินไปไหนก็เร็วมาก อาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศที่เย็นก็เป็นได้ค่ะ สังเกตุพฤติกรรมทั้งคนจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี เหมือนกันเรื่องการเดินเร็วค่ะ  มาว่ากันต่อนะคะ เรื่องการชมพระราชวังจียังบ็อกนี้ ครั้งหนึ่งก็มีเรื่องราวเด่นๆ ที่เรารู้จักกันดีก็คือ "แดจังกึม" สมัยอดีตเธอก็เคยอยู่ที่นี่ค่ะ  แค่นี้ผู้เขียนก็ดีใจแล้วที่ได้มาเที่ยวที่เกาหลี
 ช่วงบ่ายๆ เราก็ตะเวนหาซื้อของฝากกัน แน่นอนของฝากที่มากคุณค่าก็ต้องไม่พ้นพวกโซมบำรุงร่างกายปรับสมดุล  ฮอทกีนาโมบำรุงตับขับสารพิษ  และน้ำมันสนแดง เรียกว่าผู้เขียนมาถึงถิ่นแล้วถ้าไม่ซื้อก็เหมือนไม่ได้มาเกาหลีนะดิ ก็เลยจัดไปหลายล้านวอนเหมือนกันค่ะ (ประมาณ 30 บาท ต่อ 1,000 วอน) แต่วันที่ไปซื้ออัตราแลกเปลี่ยนจะอยู่ราวๆ 31.5 บาท ต่อ 1,000 วอน ค่ะ แหมทริปนี้คุณพ่อไปเที่ยวด้วยก็ต้องตามใจท่านละกันเนาะ


หลังทานมืืื้อเที่ยงแล้วเราก็ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แห่งรัก Trick Eye และ ถ้ำน้ำแข็งจำลอง บอกได้อย่างเดียวว่าสนุก มันส์มากๆ เหมือนหลุดไปยังโลกแห่งจิตนาการแบบสุดขั่วก็ได้ค่ะ เขาทำได้เหมือน จนมีกรุ๊ปทัวร์หลายๆ คณะต้องแวะชม สรุปว่าผู้เขียนก็ได้ไปเห็นไปพบคนไทยมาท่องเที่ยวกันตรึมค่ะ  และพอเสร็จก็แวะ shopping กันต่อที่ย่านดังๆ ที่มีสินค้าแบรนด์เนมวางขายกันเพียบ อย่าถามผู้เขียนเลยเรื่องนี้บอกตรงๆ ไม่ถนัดเลยนะดิ อะไรก็ไม่รู้ อีจูดงอีจูดี้ สกินฟู๊ด อะไรเนี่ย


แต่ค่ำนี่ซิคะพิเศษสุดๆ ทางบริษัท เยสไอแคนฯ โดยท่าน MD.ดาด้า อภินันทนาการอาหารทะเลเน้นๆ ขาปูยักษ์อลาสก้าสมใจผู้เขียนนักเชียว เหล้า เบียร์ วาย เมรัย กี้ไม่ได้แอ้มกะเขาดอกจัดแค่น้ำผลไม้คร้า แค่บุฟเฟ่ซีฟู๊ดก็ตักกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว สด อร่อยมากๆ ค่ะ แถมด้วยเคกวันเกิดของเพื่อนๆ ที่เกิดในเดือนนั้นด้วยนะดิ เปรมไปเลยคร้า กลางคืนกลับที่พักก่อนจะหลับปุ๋ยก็ต้องแพ็คกระเป๋า นำของฝากมากมายก่ายกองลงบรรจุในกระเป๋าให้เรียบร้อย เพื่อวันเดินทางกลับจะได้ไม่เสียเวลา แล้วค่อยนอนหลับปุ้ยยุ้ยกันได้ค่ะ



วันสุดท้ายก่อนจากประเทศเกาหลี พวกเราก็ตรวจสอบสัมภาระมากมาย ที่ไม่รู้ลูกกระเป๋ามากมายมันคลอดออกมาอีตอนไหนนะดิ เพียบเลยเรียกว่าเครื่องบินงี้บินแอ้กลับไทยเลยค่ะ พอรับประทานมื้อเช้ากันเสร็จก็โหลดของขึ้นรถบัสใครบัสมันค่ะ


สิ่งสำคัญที่เป็นธรรมเนียมของการเดินทางทุกทริปก็ว่าได้นะคะ พวกเราจะไม่ลืมพวกเขาที่ทำให้พวกเราเดินทางไปท่องเที่ยวอย่างสนุกและปลอดภัยก็คือ คนขับรถ ไกล์ดท้องถิ่น และไกล์ดประจำทริป พวกเขาจะได้รับน้ำใจจากคณะของพวกเราทุกคนก็คือ "ค่าทิป" ค่ะตามธรรมเนียมปฎิบัติก็อยู่ที่คนละประมาณ 20,000 วอน คิดเป็นเงินบาทก็ราวๆ 660 บ. ค่ะ ใครจะให้เกินก็ไม่เป็นไรเขาก็ยินดีแน่นอนค่ะ


เสร็จก็มาต่อที่อัญมณีเสริมทรัพย์ดูดทรัพย์ พาร่ำรวย ก็มาที่ร้านอเมทีส พลอยสีม่วง สวยงามที่ผู้คนนิยมกันในกลุ่มงานธุรกิจค่ะ ก็อีกนั่นแหล่ะค่ะ ผู้เขียนก็ได้มากะเขาเหมือนกันค่ะ เพราะสุดที่รักมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลัง อย่างนี้ไม่รับไม่ได้แล้วใช่ไหมคะ


ตลอดทริปในต่างแดนเราได้พักกันที่โรงแรมระดับ 3 - 4 ดาว ค่ะ สะดวก สบาย ใกล้สถานที่สะดวกซื้อ ห้องพักกว้างเหมาะสมกับการพักอาศัยแบบ 2-3 ท่าน สบายๆ เลยค่ะ ไม่อยากเล่าเลยค่ะ คืนที่อากาศติดลบนะคะ ดิฉันและสามีไม่เปิดมันหรอกค่ะแอร์ แง้มหน้าต่างก็โอเคแล้วค่ะ

ก่อนกลับเข้าไปเช็คอินที่สนามบินอินชอนเราแวะรับประทานข้าวเที่ยงกัน และแวะซื้อขนมนมเนยที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านเมืองเขาไปฝากเด็กๆ กันอีกคนละหอบใหญ่ค่ะ เลยต้องให้เขาบรรจุกล่องกระดาษซีลแน่นหนา เขียนชื่อเป็นภาษาไทย/อังกฤษ เบอร์โทร.ให้ชัดเจน เพื่อตอนเวลารอรับที่สายพานที่สนามบินสุวรรณภูมิจะได้ไม่หลงหยิบกันผิดไปง่ายๆ ค่ะ

สำหรับการทำ Tax Refund กรณีที่ซื้อสินค้าที่สามารถเคลมภาษีได้ ให้ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เขาเตรียมเอกสารให้พร้อม ไกล์ดจะแนะนำและประกบจนกระทั่งได้รับเงินคืนค่ะ สะดวกดีรวดเร็วด้วยค่ะ

เนื่องจากสนามบินอินชอนเพิ่งสร้างใหม่ เพื่อลองรับกีฬาโอลิมปิคที่ผ่านมา เขาก็เลยใช้พื้นที่จำกัดมาก ทำให้บางช่วงเราต้องขึ้นลงบันไดเลื่อน และต่อรถไฟใต้ดินหลายรอบ ถ้าไม่มีไกล์ดก็คงพากันหลงตายกินข้าวลิงกันที่สนามบินอินชอนแน่นอนค่ะ

และสิ่งที่สะเทือนใจผู้เขียนมากๆ ก็คือ มีทัวร์ผีหลอกพาคนไทยไปขายแรงงานหรือท่องเที่ยวก็สุดแล้วแต่เถอะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเขาไม่ไห้ผ่านนะซิคะ เลยต้องถูกส่งกลับเมืองไทย พร้อมๆ คณะของพวกเรา ดูพวกเราเครียดแค้น อดหลับ อดนอน หิว ผิดหวัง เศร้าซึมมากๆ เราก็อดสงสารพวกเขาไม่ได้ เพราะบางคนบอกว่ายอมขายไร่ ขายนา ขายควาย เพื่อหวังให้ได้มาเกาหลีเพื่อทำงา่น แต่สุดท้ายกลายเป็นเพียงลมไป เพราะไกล์ดหนีเข้าเกาหลี แล้วก็ปล่อยพวกเขาลอยแพกว่า 40 ชีวิตเลยนะซิคะ นี่ก็เป็นอุทาหรณ์สำหรับนักแสวงโชคเหมือนกันนะคะ

 

หลังขึ้นเครื่องบินแล้วพวกเราชาวเยสไอแคนก็เดินทางกลับสู่มาตุภูมิกันอย่างปลอดภัย บ้างบอกว่ากลับไปจะสั่งส้มตำปลาร้ากินซะฮี้ เพราะอยู่ที่นี่ทานกันแต่จืดๆ ว่างั้น  การแลกเงินที่เหลือจากการท่องเที่ยวคืนกับไกล์ดดีที่สุดค่ะ เพราะหากท่านแลกกับธนาคารในบ้านเรานะคะ กดราคามากๆ ค่ะ หายไปโขเลยค่ะ พอรับกระเป๋าเดินทางจากสายพานลำเลียงเรียบร้อยครบถ้วนกระบวนความแล้ว ต่างคนก็ต่างพากันร่ำลากันกลับบ้านใครบ้านมันกันตามระเบียบค่ะ  ทิ้งไว้แค่ความทรงจำดีๆ ที่แสนจะประทับใจกันไปค่ะ

แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าที่ "กุ้ยหลิน"นะคะ YES I CAN.

สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราติดต่อ 08 9601 5286 ค่ะ








 
ID Line: nickynano