คุณพ่อประเสริฐ+คุณแม่ปราณี จันทมาศ กำลังทำบุญให้ครอบครัวพี่สาว+หลานที่จากไป
|
พี่หนูน้อย กับ น้องเอมมี่ เสียชีวิตลงเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ |
น้องอูโน่/หลานชายเพียงคนเดียวที่รอด กลายเป็นเด็กกำพลอยที่ขาดทั้งพ่อและแม่ |
พิธีทำบุญสังฆทานเพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่ผู้วายชน ณ วัดห้วยพุก อ.ดงเจริญ จ.พิจิตร
"มีหลายๆ ครั้งที่ผู้เขียนสัมผัสได้ว่า ดวงวิญญาณของพี่สาวยังไม่ยอมไปจุติที่ภพอื่นพร้อมกับน้องเอมมี่ และน้องหนูดี(พี่สาวคนโตของอูโน่และเอมมี่) ยังเฝ้าวนเวียนดูแลลูกชายคนเดียว "อูโน่" อย่างใกล้ชิด ด้วยความเป็นห่วง...อัศจรรย์นัก!"
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์พระศาสดาของพุทธศาสนิกชน ต้นแบบแห่งการเวียนว่ายตายเกิด หรือ หลุดพ้นในวัฎรสงสาร ทรงตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน |
พระโพธิสัตว์ปาเดนโดรเจ ณิคกี้นั่งปฏิบัติทำสมาธิอยู่หน้าบ้าน
การสร้างบุญบารมีทำได้ง่ายๆ ไม่เสียสตางค์แม้แต่สลึงเดียว คือ การนั่งทำสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน ค่ะ ได้บุญมากกว่าทำทาน รักษาศีล ซะอีกค่ะ
วันนี้วันพระ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 2 (เดือนยี่) ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ 8 มกราคม 2555 เช้าวันนี้ครอบครัวเราไปทำบุญตักบาตรที่สำนักปฏิบัติธรรมเขาพลูตาหลวง (ใกล้กับสนามกอล์ฟราชนาวีพลูตาหลวง) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งอยู่ใกล้ๆ บ้านของเราเช่นเดิม วันนี้เป็นวันหยุดก็เลยมีญาติโยมค่อนข้างเยอะค่ะ มีพระคุณเจ้ารวม 5 รูป เช้านี้เราไปเกือบจะสาย ตักบาตรเสร็จ พระคุณเจ้าก็เริ่มพิธีทางสงฆ์พอดีค่ะ ดิฉันชอบสถานะปฏิบัติธรรมฯ แห่งนี้ก็เพราะว่าระหว่างที่พระท่านจะไปตักอาหาร ท่านเจ้าอาวาสก็จะเทศนาไปพลาง พร้อมกับให้เรานั่งสมาธิระหว่างฟังธรรมกันทุกๆ คน (ยกเว้นเด็กเล็กแสนซน) และขอร้องให้ทุกคนปิดเสียงกริ่งโทรศัพท์มือถือเพื่อไม่ให้ไปรบกวนผู้อื่นระหว่างนั้นด้วย นั่งสมาธิสงบ สุข เย็น เห็นความสว่างจาก เสียงธรรมที่ท่านเทศนาให้ฟังสักครู่ใหญ่ ก็กรวดน้ำอุทิศแก่ผู้มีพระคุณทั้งหลาย องค์เทพเทวาอารักษ์ เจ้ากรรมนายเวร สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เคยล่วงเกินเขา และรวมทั้งบรรพชน บรรพบุรุษ และ/หรือญาติผู้ล่วงลับทั้งหลาย (พี่น้อย หรือ "นางใจทิพย์ ศรีประสาร" ที่จากไป มาบอกผ่านร่างณิคกี้ว่า พี่จากโลกนี้ไปเร็วนัก ไม่ทันได้ทำบุญสร้างกุศลเยอะๆ เลย เสียดายมาก ร้องไห้ๆๆ แต่พี่ก็ได้รับส่วนบุญส่วนกุศลที่ทุกคนตั้งใจอุทิศให้พี่นะ "ท่านผู้อ่านก็ใช้วิจารณญาณในการอ่าน"พิจารณาดูเอาแล้วกันนะคะ ว่าขนาดผู้ที่ตายจากโลกนี้ไปแล้ว ที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่า "ผีมาบอกซะขนาดนี่น่ะ" ) ฟังพระสวดให้พรสักครู่ เราก็กราบลาพระพุทธ และพระสงฆ์บนธรรมาส ก็เป็นอันเสร็จพิธีทำบุญ ที่แน่ๆ ก่อนกลับบ้าน พวกเราจะได้ยินประโยคที่พระคุณเจ้าท่านกล่าวส่งท้ายว่า "อาหารส่วนที่พระคุณเจ้าได้พิจารณาแล้วก็ขอให้ญาติโยมนำไปรับประทานต่อได้เลย" พวกเราก็กล่าวสาธุพร้อมๆ กัน และแล้วต่างคนก็เดินไปตักตามชอบใจกันไป และสิ่งที่ดิฉันจะไม่ลืมก่อนกลับจากวัด หรือสถานธรรมใดๆ ก็คือ การชำระหนี้สงฆ์ หรือการบริจาคปัจตุปัจจัยทัยทานกันแล้วแต่ทุนทรัพย์อันบริสุทธิ์ที่เพียรทำมาหากินกันมา เพื่อให้ทางวัด หรือสถานปฏิบัติธรรมต่างๆ จะได้นำไปเป็นทุนชำระค่าน้ำ ค่าไฟ และอื่นๆ แล้วแต่กิจกรรมทางวัดจะดำเนินการต่อไป
แล้วท่านผู้อ่านละคะ ครั้งสุดท้ายไปทำบุญตักบาตรเข้าวัดฟังธรรม เพื่อจรรโลงใจให้ห่างไกลจากกิเลส ตัณหา ราคะ โทสะ และโมหะ กันเมื่อใด การสร้างกุศลผลบุญใครทำย่อมได้แก่ตนสะสมเป็นเนื้อนาบุญไปทุกภพทุกชาติ กิเลสมนุษย์ล้วนมีมากน้อยแตกต่างกันไปตามวาระจิตที่คิดผิดชอบชั่วดีกันแต่ละบุคคล ซึ่งทุกศาสนาล้วนสั่งสอนให้ทุกคนเป็นคนดี ละเว้นการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน เพื่อให้ทุกชาติทุกศาสนานั้นได้อาศัยอยู่ในโลกใบนี้อย่างมีสันติสุข สงบ ร่มเย็น กันถ้วนหน้านั่นเองค่ะ
และวันนี้เช่นกันที่ดิฉันได้เปิดเข้าไปใน Face book ตามปกติ ก็ได้มีโอกาสเห็นสิ่งที่เป็นมงคลชีวิตดีๆ จากการแบ่งปันจากเพื่อนๆ ในสังคมออนไลน์ในโลก Internet ก็เลยคิดว่าหากได้แบ่งปันสิ่งนี้ต่อน่าจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อยค่ะ ลองอ่านดูนะคะ
การเทศนาของพระโพธิสัตว์ปาเดนโ ดรเจหลังจากนั่งสมาธิ 6 ปี
ขอนอบน้อมแด่พระอวโลกิเตศวร ขอนอบน้อมแด่พระอริยไมตรี ขอให้ศาสนาทุกศาสนามีเมตตา เราจะแนะนำทางที่บริสุทธิ์ เพื่อสันติภาพแก่ชาวโลก เพื่อผู้มีบุญบารมีในชาติก่ อน ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันดีที่นั ่งสมาธิครบ 6 ปีแล้ว ในยุคแห่งความวุ่นวายและควา มเปลี่ยนแปลงของโลกนี้ ด้วยอานุภาพของพระอริยไมตรี จะคุ้มครองให้ชาวโลกรอดปลอด ภัย ชาวโลกไม่รู้ว่าพระอริยไมตร ีเคยเกิดขึ้นมาแล้ว 4 ครั้ง และได้ให้คำสอนไว้กับชาวโลก หลังจากที่ข้าพเจ้านั่งสมาธ ิผ่านไปได้ 10 เดือนโดยไม่ลุกไปไหน รู้สึกได้ถึงความร้อน ความหนาว ฝนตก ซึ่งร่างกายมีเพียงผ้าบางๆ มองไปด้านหลังช้าๆก็เห็นปลว กขึ้นผ้า
ไม่ควรแยกชนชั้นวรรณะ เพศ สิทธิของผู้หญิง ผู้ชาย สีผิว เชื้อชาติและศาสนา ไม่ควรดูถูกศาสนาว่า ศาสนาใดสูงหรือต่ำกว่ากัน ไม่ควรลบหลู่ศาสนาต่างๆ อย่าแบ่งแยกประเทศ ว่าเป็นศัตรูหรือมิตร อย่าเห็นผิดเป็นชอบ อย่าไปเปรียบเทียบว่าคนนี้ด ี คนนี้ไม่ดี อกุศล 10 อย่างและบาปทุกอย่างต้องละเ ว้น ฝึกให้มีศีล สมาธิ ปัญญา ช่วยเหลือสังคม และอุทิศชีวิตแก่ประเทศชาติ ในโลกนี้ ถ้าผู้ใดปฏิบัติตามศีล 8 ได้ ก็จะเหมือนอยู่ในดินแดนสุขา วดี อยู่ในยุคทอง เพื่อความสุขของชาวโลก ข้าพเจ้าจะอุทิศชีวิต ชีวิตของมนุษย์จะสำคัญเมื่อ ใช้ชีวิตโดยธรรม ธรรมะก็คือสูญญตา ก็คือพระพุทธเจ้านั่นเอง ความไม่มีตัวตน ความว่างเปล่า การทนต่อความหิวทำได้ยากมาก แต่ข้าพเจ้าก็สามารถข้ามผ่า นความหิวนั้นมาได้ จนได้พุทธภาวะ ถ้ามีพุทธภาวะ ก็จะมีความสงบร่มเย็น และเป็นหนทางที่จะหลุดพ้นจา กกิเลสได้ ขอให้มีความสุขสมหวังทุกประ การเทอญ
เชิงอรรถ
อกุศลกรรมบถ 10 คืออะไร ประกอบด้วย
1. ปาณาติบาต ทำให้สัตว์ให้ตกล่วง คือ ฆ่าสัตว์
2. อทินนาทาน ถือ เอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ ให้ ด้วย อาการแห่งขโมย
3. กาเมสุ มิจฉาจาร ประพฤติผิดในกาม
4. มุสาวาท พูดเท็จ
5. ปิสุณาวาจา พูดส่อเสียด
6. ผรุสวาจา พูดคำหยาบ
7. สัมผัปปลาปะ พูดเพ้อเจ้อ
8. อภิชญา โลภอยากได้ของเขา
9. พยาบาท ปองร้ายเขา
10. มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดจากคลองธรรม
ศีลแปด
ศีลแปด หรือ อุโบสถศีล เป็นศีลของคฤหัสถ์ หมายถึง อุบาสกอุบาสิกาทั่วไป มิใช่สงฆ์ (ซึ่งมีศีลเฉพาะตนอยู่แล้ว) โดยมักจะรับศีลแปดในวันพระ นิยมรักษาศีลแปดเป็นเวลา 1 วัน หรือ 3 วัน จัดเป็นศีลขั้นตำของพระอนาค ามี
โดยปกติผู้รักษาศีลจะเปล่งว าจาอธิษฐาน ที่จะขอสมาทานศีลตั้งแต่เช้ าของวันนั้น หากรักษาศีลแปดเป็นเวลา 1 วัน เรียกว่า "ปกติอุโบสถ" และหากรักษา 3 วัน เรียกว่า "ปฏิชาครอุโบสถ"
[แก้] ศีลทั้งแปด
ปาณาติปาตา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการฆ่าสัตว์
อทินฺนา ทานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการลักสิ่งของที่ผู้ อื่นมิได้ให้
อพฺรหฺมจริยา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการประพฤติผิดพรหมจร รย์(ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ใก ล้กันไม่ได้ แต่ศีล ๕ อยู่ใกล้กันได้)
มุสาวาทา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการพูดปด พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการดื่มสุราเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประม าท
วิกาลโภชนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการบริโภคอาหารในยาม วิกาล (หลังเที่ยงถึงวันใหม่)
นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภ ูสนฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการฟ้อนรำขับร้อง ประโคมดนตรี และประดับร่างกายด้วยดอกไม้ ของหอม เครื่องประดับ เครื่องทา เครื่องย้อม
อุจฺจาสยนมหาสยนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการนั่งนอนเหนือเตีย งตั่ง ที่เท้าสูงเกิน ภายในมีนุ่นหรือสำลี
[แก้] ความเหมือนและความแตกต่างระ หว่างอุโบสถศีลกับศีล 8
อุโบสถศีล กับ ศีล 8 มีข้อห้าม 8 ข้อเหมือนกัน
คำอาราธนา (ขอศีล) แตกต่างกัน
อุโบสถศีล มีวันพระเป็นแดนเกิด สมาทานรักษาได้เฉพาะ วันพระเท่านั้น
ส่วนศีล 8 สมาทานรักษาได้ทุกวัน
อุโบสถศีล มีอายุ 24 ชั่วโมง (วันหนึ่งคืนหนึ่ง) ส่วนศีล 8 ไม่มีกำหนดอายุในการรักษา
อุโบสถศีล เป็นศีลสำหรับชาวบ้านผู้ครอ งเรือน หรือเป็นศีล ของชาวบ้านผู้บริโภคกาม (กามโภคี) ส่วนศีล 8 เป็นศีลสำหรับ ชาวบ้านผู้ไม่ครองเรือน เช่น แม่ชี [1]
ชั้นของสุขาวดี
ดินแดนสุขาวดีหรือพุทธเกษตร ของพระอมิตาภะตามที่กล่าวไว ้ในอมิตายุรธยานสูตรมี 9 ชั้นคือ
- สำหรับผู้มีเมตตากรุณา มีศีลสมบูรณ์ มีจิตเลื่อมใสไม่คลอนแคลน
- สำหรับผู้มีความรู้แตกฉานใน ธรรม เลื่อมใสนิกายมหายาน เชื่อในกฏแห่งกรรม เมื่อตายจะไปอยู่ในดอกบัวไม ่ทันข้ามวัน ดอกบัวจะบาน ได้ฟังธรรมภายใน 7 วัน
- สำหรับผู้เชื่อมั่นในกฏแห่ง กรรม เลื่อมใสนิกายมหายาน เมื่อตายจะไปอยู่ในดอกบัว 7 วันจึงจะบาน ได้ฟังธรรมภายใน 37 วัน
- สำหรับผู้รักษาศีลอุโบสถสมบ ูรณ์ ดอกบัวที่ผู้นั้นไปเกิดจะค่ อยๆบาน เมื่อได้ฟังธรรมก็จะได้เป็น พระอรหันต์
- สำหรับผู้ถือศีลอุโบสถเพียง วันหนึ่ง คืนหนึ่ง หรือสมาทานศีลภิกษุหรือศีลส ามเณรไม่บกพร่อง เมื่อตายจะไปเกิดในดอกบัวอย ู่ 7 วัน ดอกบัวจึงจะบาน เมื่อฟังธรรมจะได้เป็นพระโส ดาบัน อีกครึ่งกัลป์จะได้เป็นพระอ รหันต์
- สำหรับผู้เลี้ยงดูบิดามารดา มีมนุษยธรรม เมื่อใกล้ตายได้ฟังเรื่องขอ งสุขาวดีและมีจิตเลื่อมใส เมื่อตายจะไปเกิดในสุขาวดี และฟังธรรมเรื่องไปหนึ่งกัล ป์จึงจะได้เป็นพระอรหันต์
- สำหรับผู้ทำอกุศลกรรม แต่ได้ฟังเสียงสวดพระธรรม หรือมีผู้สอนให้ระลึกถึงพระ อมิตาภะ เมื่อตายจะไปเกิดในดอกบัวนา น 77 วัน จึงจะบาน หลังจากนั้นต้องฟังธรรมนานถ ึง 10 กัลป์ จึงจะได้เป็นพระอรหันต์
- สำหรับผู้ทุศีล มีทุคติเป็นที่หมาย แต่เมื่อใกล้ตายมีผู้สอนให้ ระลึกถึงพระอมิตาภะ เมื่อตายจะไปเกิดในดอกบัวนา น 6 กัลป์ จึงจะบาน เมื่อฟังธรรมจึงเริ่มตั้งจิ ตปรารถนาพุทธภูมิ
- สำหรับผู้ทำอกุศลกรรมไว้มาก มีอบายภูมิเป็นที่หมาย แต่มีผู้สอนให้ระลึกถึงพระอ มิตาภะ แล้วทำตามอยู่ชั่ว 10 ขณะจิต เมื่อตายจะไปเกิดในดอกบัวนา นถึง 12 กัลป์จึงจะบาน เมื่อได้ฟังธรรมจึงตั้ง
จิตถ ึงพุทธภูมิ
วันนี้วันพระ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 2 (เดือนยี่) ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ 8 มกราคม 2555 เช้าวันนี้ครอบครัวเราไปทำบุญตักบาตรที่สำนักปฏิบัติธรรมเขาพลูตาหลวง (ใกล้กับสนามกอล์ฟราชนาวีพลูตาหลวง) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งอยู่ใกล้ๆ บ้านของเราเช่นเดิม วันนี้เป็นวันหยุดก็เลยมีญาติโยมค่อนข้างเยอะค่ะ มีพระคุณเจ้ารวม 5 รูป เช้านี้เราไปเกือบจะสาย ตักบาตรเสร็จ พระคุณเจ้าก็เริ่มพิธีทางสงฆ์พอดีค่ะ ดิฉันชอบสถานะปฏิบัติธรรมฯ แห่งนี้ก็เพราะว่าระหว่างที่พระท่านจะไปตักอาหาร ท่านเจ้าอาวาสก็จะเทศนาไปพลาง พร้อมกับให้เรานั่งสมาธิระหว่างฟังธรรมกันทุกๆ คน (ยกเว้นเด็กเล็กแสนซน) และขอร้องให้ทุกคนปิดเสียงกริ่งโทรศัพท์มือถือเพื่อไม่ให้ไปรบกวนผู้อื่นระหว่างนั้นด้วย นั่งสมาธิสงบ สุข เย็น เห็นความสว่างจาก เสียงธรรมที่ท่านเทศนาให้ฟังสักครู่ใหญ่ ก็กรวดน้ำอุทิศแก่ผู้มีพระคุณทั้งหลาย องค์เทพเทวาอารักษ์ เจ้ากรรมนายเวร สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เคยล่วงเกินเขา และรวมทั้งบรรพชน บรรพบุรุษ และ/หรือญาติผู้ล่วงลับทั้งหลาย (พี่น้อย หรือ "นางใจทิพย์ ศรีประสาร" ที่จากไป มาบอกผ่านร่างณิคกี้ว่า พี่จากโลกนี้ไปเร็วนัก ไม่ทันได้ทำบุญสร้างกุศลเยอะๆ เลย เสียดายมาก ร้องไห้ๆๆ แต่พี่ก็ได้รับส่วนบุญส่วนกุศลที่ทุกคนตั้งใจอุทิศให้พี่นะ "ท่านผู้อ่านก็ใช้วิจารณญาณในการอ่าน"พิจารณาดูเอาแล้วกันนะคะ ว่าขนาดผู้ที่ตายจากโลกนี้ไปแล้ว ที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่า "ผีมาบอกซะขนาดนี่น่ะ" ) ฟังพระสวดให้พรสักครู่ เราก็กราบลาพระพุทธ และพระสงฆ์บนธรรมาส ก็เป็นอันเสร็จพิธีทำบุญ ที่แน่ๆ ก่อนกลับบ้าน พวกเราจะได้ยินประโยคที่พระคุณเจ้าท่านกล่าวส่งท้ายว่า "อาหารส่วนที่พระคุณเจ้าได้พิจารณาแล้วก็ขอให้ญาติโยมนำไปรับประทานต่อได้เลย" พวกเราก็กล่าวสาธุพร้อมๆ กัน และแล้วต่างคนก็เดินไปตักตามชอบใจกันไป และสิ่งที่ดิฉันจะไม่ลืมก่อนกลับจากวัด หรือสถานธรรมใดๆ ก็คือ การชำระหนี้สงฆ์ หรือการบริจาคปัจตุปัจจัยทัยทานกันแล้วแต่ทุนทรัพย์อันบริสุทธิ์ที่เพียรทำมาหากินกันมา เพื่อให้ทางวัด หรือสถานปฏิบัติธรรมต่างๆ จะได้นำไปเป็นทุนชำระค่าน้ำ ค่าไฟ และอื่นๆ แล้วแต่กิจกรรมทางวัดจะดำเนินการต่อไป
แล้วท่านผู้อ่านละคะ ครั้งสุดท้ายไปทำบุญตักบาตรเข้าวัดฟังธรรม เพื่อจรรโลงใจให้ห่างไกลจากกิเลส ตัณหา ราคะ โทสะ และโมหะ กันเมื่อใด การสร้างกุศลผลบุญใครทำย่อมได้แก่ตนสะสมเป็นเนื้อนาบุญไปทุกภพทุกชาติ กิเลสมนุษย์ล้วนมีมากน้อยแตกต่างกันไปตามวาระจิตที่คิดผิดชอบชั่วดีกันแต่ละบุคคล ซึ่งทุกศาสนาล้วนสั่งสอนให้ทุกคนเป็นคนดี ละเว้นการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน เพื่อให้ทุกชาติทุกศาสนานั้นได้อาศัยอยู่ในโลกใบนี้อย่างมีสันติสุข สงบ ร่มเย็น กันถ้วนหน้านั่นเองค่ะ
และวันนี้เช่นกันที่ดิฉันได้เปิดเข้าไปใน Face book ตามปกติ ก็ได้มีโอกาสเห็นสิ่งที่เป็นมงคลชีวิตดีๆ จากการแบ่งปันจากเพื่อนๆ ในสังคมออนไลน์ในโลก Internet ก็เลยคิดว่าหากได้แบ่งปันสิ่งนี้ต่อน่าจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อยค่ะ ลองอ่านดูนะคะ
การเทศนาของพระโพธิสัตว์ปาเดนโ
ขอนอบน้อมแด่พระอวโลกิเตศวร
ไม่ควรแยกชนชั้นวรรณะ เพศ สิทธิของผู้หญิง ผู้ชาย สีผิว เชื้อชาติและศาสนา ไม่ควรดูถูกศาสนาว่า ศาสนาใดสูงหรือต่ำกว่ากัน ไม่ควรลบหลู่ศาสนาต่างๆ อย่าแบ่งแยกประเทศ ว่าเป็นศัตรูหรือมิตร อย่าเห็นผิดเป็นชอบ อย่าไปเปรียบเทียบว่าคนนี้ด
เชิงอรรถ
อกุศลกรรมบถ 10 คืออะไร ประกอบด้วย
1. ปาณาติบาต ทำให้สัตว์ให้ตกล่วง คือ ฆ่าสัตว์
2. อทินนาทาน ถือ เอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้
3. กาเมสุ มิจฉาจาร ประพฤติผิดในกาม
4. มุสาวาท พูดเท็จ
5. ปิสุณาวาจา พูดส่อเสียด
6. ผรุสวาจา พูดคำหยาบ
7. สัมผัปปลาปะ พูดเพ้อเจ้อ
8. อภิชญา โลภอยากได้ของเขา
9. พยาบาท ปองร้ายเขา
10. มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดจากคลองธรรม
ศีลแปด
ศีลแปด หรือ อุโบสถศีล เป็นศีลของคฤหัสถ์ หมายถึง อุบาสกอุบาสิกาทั่วไป มิใช่สงฆ์ (ซึ่งมีศีลเฉพาะตนอยู่แล้ว)
โดยปกติผู้รักษาศีลจะเปล่งว
[แก้] ศีลทั้งแปด
ปาณาติปาตา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการฆ่าสัตว์
อทินฺนา ทานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการลักสิ่งของที่ผู้
อพฺรหฺมจริยา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการประพฤติผิดพรหมจร
มุสาวาทา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการพูดปด พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการดื่มสุราเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประม
วิกาลโภชนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการบริโภคอาหารในยาม
นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภ
อุจฺจาสยนมหาสยนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการนั่งนอนเหนือเตีย
[แก้] ความเหมือนและความแตกต่างระ
อุโบสถศีล กับ ศีล 8 มีข้อห้าม 8 ข้อเหมือนกัน
คำอาราธนา (ขอศีล) แตกต่างกัน
อุโบสถศีล มีวันพระเป็นแดนเกิด สมาทานรักษาได้เฉพาะ วันพระเท่านั้น
ส่วนศีล 8 สมาทานรักษาได้ทุกวัน
อุโบสถศีล มีอายุ 24 ชั่วโมง (วันหนึ่งคืนหนึ่ง) ส่วนศีล 8 ไม่มีกำหนดอายุในการรักษา
อุโบสถศีล เป็นศีลสำหรับชาวบ้านผู้ครอ
ชั้นของสุขาวดี
ดินแดนสุขาวดีหรือพุทธเกษตร
- สำหรับผู้มีเมตตากรุณา มีศีลสมบูรณ์ มีจิตเลื่อมใสไม่คลอนแคลน
- สำหรับผู้มีความรู้แตกฉานใน
- สำหรับผู้เชื่อมั่นในกฏแห่ง
- สำหรับผู้รักษาศีลอุโบสถสมบ
- สำหรับผู้ถือศีลอุโบสถเพียง
- สำหรับผู้เลี้ยงดูบิดามารดา
- สำหรับผู้ทำอกุศลกรรม แต่ได้ฟังเสียงสวดพระธรรม หรือมีผู้สอนให้ระลึกถึงพระ
- สำหรับผู้ทุศีล มีทุคติเป็นที่หมาย แต่เมื่อใกล้ตายมีผู้สอนให้
- สำหรับผู้ทำอกุศลกรรมไว้มาก
จิตถ
ขอขอบพระคุณ "คุณชุติเดช วรรณสุวงค์" ผู้แบ่งปันมาให้อ่านกันทาง Face Book ท่านนี้ด้วยนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น