PHIKANES2515

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

น้ำไม่ไหล, ไฟ้ฟ้าดับ, โทรศัพท์ใช้ไม่ได้, ไร้การติดต่อที่รวดเร็ว, ล้มเหลวก้าวถอยหลังนั่งดูไฟให้หวนคิดทบทวน ก่อนนั้นฉันทำร้ายโลก, วันที่โลกไร้พลังงาน ชาวโลกจะอยู่อย่างไร, ถึงเวลาที่เราควรจะลดการใช้น้ำมันและแก๊สกันซะที


http://www.phikanesplaza.com  มีสินค้าเกษตรไว้บริการทุกๆ ท่านมากมาย

ทุกๆ ครั้งที่ฉันขับรถไปโน้นมานี่ มีธุระปะปัง นั่งโทรศัพท์คุยกับลูกค้า หรือเล่น Skype เล่น Facebook คุยกันกับญาติสนิทมิตรสหาย จู่ๆ วันหนึ่งตื่นขึ้นมาจากที่นอน ก็มานั่งคิดถึงความฝัน หรือสิ่งที่มาดลจิตดลใจให้คิดถึงเรื่องการที่ต้องอยู่ในที่มืดยามค่ำคืนที่หนาวเหน็บ ไร้ซึ่งความอบอุ่น ทั้งหิว ทั้งเกิดการโกลาหล เพราะทุกคนต่างเดือนร้อน แย่งกันอยู่ แย่งกันกิน จากมิตรกลายเป็นศัตรู ซะงั้น ไม่ใช่แค่วัน 2 วัน แต่หากมันเป็นแรมสัปดาห์ แรมเดือน แรมปี หรือนานกว่านั้นล่ะ (สงสัยจะเกิดจากการดูข่าวที่ชาวกรุงวอชิงตัน ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาประสบกับมหาวาตภัย "พายุเฮอรีเคนแซนดี" จนทำให้หลายๆ ครอบครัวต้องล้มหายตายจากกันนับร้อยชีวิต บ้านฟัง ทรัพย์สินชำรุดเสียหาย ทั้งคน ทั้งสัตว์ต่างพากันพลัดหลงอย่างน่าสงสารเป็นที่สุด ขาดแคลนทั้งอาหาร ที่พัก และพลังงานจากน้ำมัง...ละมั้ง)  มันช่างน่าเศร้าสุดๆ และหากว่าโลกนี้พลังงานหมดลงจริงๆ และจริงอยู่ที่มันอาจจะไม่ใช่ตอนนี้ ปีนี้ ปีหน้า แต่มันอาจจะนับสิบปี ร้อยปีก็ตาม แน่นอนพวกเราอาจจะยังไม่เจอ แต่รุ่นลูกๆ หลานๆ เหลนๆ ของพวกเรานั้นดูท่าจะลำบากกันแน่ๆ

ดิฉันว่าหากเป็นเช่นนี้ที่ทุกคนเลือกแต่จะใช้สติปัญญาคิดค้นแต่สิ่งอำนวยความสะดวกมากๆ ดึงเอาทรัพยากรธรรมชาติมาประดิษฐ์คิดค้นสิ่งที่จะเพิ่มโอกาสทางการเงินกันมากๆ โดยลืมนึกไปว่าการที่เราใช้ น้ำ กรวด หิน ดิน ทราย แร่ แก๊ส น้ำมัน ต้นไม้ อย่างเดียว ไม่ได้สรรสร้าง เอาใจใส่ดูแล หวงแหน ปลูกเพิ่ม ตรงกันข้าม มีแต่ ดึงๆๆๆๆ ดูดๆๆๆๆ ขุดๆๆๆๆ เจาะๆๆๆๆ ถลุงๆๆๆๆ ตัดๆๆๆๆ โค้นๆๆๆๆ  แน่นอนวันหนึ่งเจ้าทรัพยากรธรรมชาติ ต่างๆ ที่กล่าวมา ย่อมค่อยๆ หมดลงๆ แน่นอน 



สำหรับบทลงโทษที่ชาวโลกควรจะได้รับกลับคืนหลังจากการทำลายพวกมันมานานแสนนานล่ะ คือ อะไรบ้างนะ?  ดิฉันก็มานั่งทบทวนหาคำตอบให้ตัวเอง
1) ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า ส่งผลให้ต้นไม้ถูกตัดโค้นหมดป่า ทำให้เกิด น้ำท่วม เพราะไม่มีต้นไม่ซึมซัมน้ำเก็บกักไว้ใต้ดิน และขัดขวางทางน้ำไว้เวลาน้ำป่าไหลบ่าท่วมมามากๆ นอกจากนี้ บางปีฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ส่งผลให้น้ำไหลไปที่เขื่อนให้กักเก็บได้น้อยลง จึงทำให้การใช้พลังน้ำในการผลิตกระแสไฟฟ้าไม่ได้เหมือนเดิม น้ำที่จะส่งต่อไปให้เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนำ ชาวสวน ได้อาศัยเพาะปลูก หรือแม้แต่จะดื่มจะกิน จะใช้ก็จะพาลหมดลงไป แค่คิดก็รู้สึกแย่มากๆ เลย เพราะขาดอาหารหลายๆ วันก็ยังพออยู่ได้ แต่ขาดน้ำนี่ซิตายแหงแก๋เลยละพี่น้องครับ...

2) ปัญหาการใช้น้ำมันเปลือง ไม่ช่วยกันประหยัด ก็ย่อมส่งผลให้น้ำมันจากใต้ท้องทะเล ใต้ดิน หร่อยหลอ หรือหมดลงจากบ่อที่ค้นหาได้จากทั่วโลก ทำให้การผลิตกระแสไฟ้จากพลังงานแก๊ส และน้ำมัน ย่อมหยุดตัวลง ดังนั้นพลังงานกลุ่มนี้ซึ่งทุกวันนี้นับเป็นพลังงานหลักๆ เลยก็ว่าได้ ก็เป็นอันหมดลงไป

หลังจากพลังงานหมดลง จะส่งผลอย่างไรกับชาวโลกบ้าง?

1) การทำอาหารทานกันยุคนี้ อะไรๆ ก็ใช้แก๊สหุงต้ม หรือใช้ไฟฟ้า หากหมดพวกมันแล้ว พวกเราอาจจะต้องช่วยกันก่อไฟฟืน ไฟถ่านหุงต้มกันแบบยุคโบราณ แล้วพากันเพาะปลูกพืช ขุดหัวเผือก หัวมัน เลี้ยงสัตว จับกุ้ง หอย ปู ปลา มากินกันแบบสมัยแต่ก่อนแน่เลย ในยามค่ำคืนก็จุดใต้ ตะเกียง เทียนไข ก่อกองไฟ อยู่กัน เรื่องนอนห้องแอร์เย็นฉ่ำ หรือพัดลมเย็นสบาย ไม่ต้องพูดถึง คิดถึง เพราะมันจะเป็นแค่ในอดีตที่เคยเฟื่องฟูหรูหรา ตามยุคศิวิไลไฮเทค ก็เท่านั้น (แล้วพวกคนที่เคยอยู่สุขสบาย ไร้ความลำบากอย่างลูกเศรษฐีมีตังค์เยอะๆ ที่ชีวิตใช้ให้แต่คนอื่นที่ทำให้ทานจะทำอย่างไรล่ะ สงสัยพวกเขาต้องลำบากแน่ๆ แต่หากถูกฝึกมาดีก็ดีไป จะได้รู้จักเอาตัวรอดช่วยตัวเองได้ไปวันๆ ไม่เดือดร้อนชาวบ้านเขา) แล้วถ้าหากถึงยุคนั้นจริงๆ ทุกคนคงต้องลงมือลงแรงทำกันเองแล้วละ  ใครทำได้ก็อยู่รอดปลอดภัย ใครไร้น้ำยาก็ลำบากไป  เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ดูตัวอย่างยุคไดโนเสารัสซิคะ  มันเคยครองโลกนี้อยู่ก่อนเรามานมนาม แต่พอมีลูกอุกาบาตยักษ์ตกลงมายังโลกนี้เท่านั้น ไฟป่าก็ฆ่าพวกมันให้ตกตายไปจนสูญพันธุ์ไปในที่สุด เมื่อทุกท่านรู้อย่างนี้แล้ว ยังจะทำอะไรตามกระแสกันอยู่อีกหรือ เพลาๆ กันบ้างก็ดี เอาแต่พอดี พอประมาณ พอเพียงก็พอแล้ว อย่าเน้นทำเพื่ออวดชาวบ้านชาวช่องกันนักเลย เดียวก็ละสังขารจากโลกนี้ไปแล้ว หมั่นสร้างสมคุณงามความดีกันซะจะยังดีกว่าจ้า...เพราะมันจะสามารถติดตัวท่านไปได้ทุกภพทุกชาติแน่นอน ดูง่ายๆ เวลาใครลาโลกนี้ไป ผู้คนก็มักจะกล่าวขวัญถึงต่างๆ นานา ใครทำดีเขาก็ยังชื่นชมสรรเสริญ แต่คนทำชั่วมั่วกาม ก็มีแต่คนเขากร่นด่ากันข้ามภพเลยล่ะ


 

2) การสื่อสารทางโทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ และอื่นๆ จะส่งผลให้ผู้คนขาดการติดต่อกันและกัน ต่อให้ผ่านระบบ 3G 4G 5G 6G....9G key ผ่าน Mobile Phone, IPAD, Iphone, Tablet ก็ไร้ความหมายลงทันที  เพราะเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ทั่วทุกภาคทั่วประเทศทั่วโลกไร้กระแสไฟหล่อเลี้ยง สงสัยเราคงต้องย้อนกลับไปฝึกใช้นกพิราบสื่อสาร หรือใช้การควบม้าเร็วเหมือนสมัยก่อนเป็นแน่ เพราะน้ำมันไม่มีรถยนต์ รถไฟ รถมอร์เตอร์ไซด์ ก็วิ่งไม่ได้ แต่อาจจะพอไหวแน่หากบ้านใครๆ มีจักรยาน






หนทางแก้ไข ทางเลือก ทางออกมีบ้างไหม?
พลังงานที่เราจะพอหาได้มาจากไหนทดแทนได้บ้างล่ะ ถ้าปราศจากน้ำ น้ำมัน และแก๊ส แล้วน่ะ  ก็ถ้าหากพิจารณากันดีๆ ก็ยังคงจะพอมีพลังงานจากแสงอาทิตย์  พลังงานจากลม  พลังงานชีวมวล พลังงานจากถ่านหิน พลังงานจากใต้พิภพ เป็นต้น

ใครไม่เคยได้ยินได้รู้จัก "ปรัชญา"นี้ ก็ลองหยิบเงินในกระเป๋าคุณมาดูซิ
จะได้สำเนียกกันบ้างจ้า  แนวคิดปรัญชา "เศรษฐกิจพอเพียง"

ทางแก้ไขล่ะมีไหม ก็มีนะ แต่ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ในปัจจุบันนี้จะเน้นย้ำใส่ใจสั่งสอนลูกหลานให้ตระหนัก และเอาใจใส่เรื่องการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยการ"ให้ความรู้ที่ถูกต้อง" รีบลงมือช่วยกันคิดช่วยกันทำช่วยกันแก้ไขให้ทันกาลหรือเปล่านะซิ แต่ที่เห็นๆ กันอยู่เสมอ ก็คือ ปรัชญาขององค์พ่อหลวงของชาวไทย ก็คือ แนวคิดปรัชญา "เศรษฐกิจพอเพียง" ที่เราได้ยินได้รู้จักกันมานานนับสิบๆ ปี แล้วนี่เอง  เป็นต้นแบบที่ดี ที่ควรนำไปปฎิบัติตาม และสั่งสอนบอกต่อๆ กันไปให้รู้จักใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า พัฒนาต่อยอดอย่างยั่งยืน พลิกฟื้นผืนดินให้มีประโยชน์สูงสุด กินอยู่อย่างจำเป็น ไม่ฟุ้งเฟ้อ บำเรอความสุขจนเกินไป ใช้จ่ายอย่างรู้คุณค่า เพียงเท่านี้ หากทุกคนน้อมนำไปปฎิบัติ ดิฉันก็เชื่อเหลือเกินว่า "พวกเราๆ ทุกคนจะยังคงมีพลังงานเหลือไว้ใช้กันอีกนาน"


ถึงเวลาหรือยังที่เราจะบอกลูกสอนหลานให้ตระหนักถึง
คุณค่าของทรัยพากรที่ใกล้จะหมดไปจากโลกสีฟ้าใบนี้น่ะ!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น