การอ่านหนังสือช่วยให้ผู้อ่านได้รับความรู้ และบันเทิง แต่สำหรับฉันแล้วการอ่านครั้งนี้ฉันกลับได้ความรู้สึกที่ดีๆ มากกว่าทุกครั้ง สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ฉันได้นำรถยนต์เข้าเช็คระยะตามปกติที่ศูนย์บริการรถยนต์โตโยต้ามาบตาพุด จ.ระยอง ระหว่างรอการซ่อมบำรุงรถ ฉันก็อ่านนิตยสารแพรว ฉบับลงวันที่ 10 ธ.ค.54 (ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ที่ผู้เขียนขออนุญาตนำมาแบ่งปันต่อ ณ โอกาสนี้) แล้วก็นั่งน้ำตาคลอด้วยความประทับใจ เมื่อได้อ่านประวัติชีวิตของนักสู้ชีวิตหลายๆ ท่าน ที่เป็น"ผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับชาวโลก" มามากต่อมาก ซึ่งบางท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักคิด นักธุรกิจ นักปกครอง นักบวช ผู้พิการสู้ชีวิต เหล่าศิลปินนักร้อง นักแสดง นักพูด และนักกีฬา แน่นอนเมื่อดิฉันได้นั่งอ่านตั้งแต่ท่านแรก จนถึงท่านสุดท้ายแล้ว ก็รู้สึกดีมากๆ มีกำลังที่จะสู้ จะฝ่าฟันอุปสรรค จะอดทน จะเพียรพยายาม จะมุ่งมั่นตั้งใจให้สำเร็จ เหมือนพวกเขาบ้าง ถึงแม้จะไม่ได้เศษเสี่ยวของพวกเขาเลยก็ตาม
ท่านที่ 2 ท่านได้กล่าวคำคมๆ ไว้ว่า "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" เมื่อได้อ่านรายละเอียดแล้ว ก็พบว่าท่านนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นั้นมีจินตนาการเกี่ยวกับความเร็วของแสง จึงใช้ความสามารถที่มีเกี่ยวกับคณิตศาสตร์มาคิดคำนวณ จนได้สูตรมาตอบโจทย์ในใจได้สำเร็จในท้ายที่สุด จนทำให้นักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อๆ มาสามารถศึกษาค้นคว้าจากสูตรสัมพันธภาพ สุดยอดทฤษฎีฟิสิกส์นี้ แคลคูลัส และกฎของนิวตัน เป็นต้น
คุณเอกชัย (ฉายามนุษย์เพนกวิน) นักจิตรกรไร้แขน นักสู้ชีวิตเหมือน Mr.Nick ที่เขาเพิ่งเข้ารับพระราชทานปริญญาตรีหมาดๆ จากพระหัสถ์สมเด็จพระเทพรัตนฯ จากสถาบันเพาะช่างฯ และได้รับการติดต่อให้ออกรายการ เพื่อแชร์ประสบการณ์ความรู้สึกผ่านรายการ "เจาะข่าวเด็ด" ของครอบครัวข่าว 3 ข้อมูลดังภาพ ท่านผู้ชมเห็นไหมคะ ว่าเขาสู้ เขาฝึกฝน เรียนรู้ด้วยตัวเองก่อน หากไม่ได้จริงๆ แล้วเขาก็ยังโชคดีที่มีคุณแม่คอยช่วยเหลือ แต่ความที่เขาเป็นคนดี เป็นคนกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เขาสามารถปลดหนี้ให้แม่ สร้างบ้านให้แม่ ส่งเงินให้แม่ใช้ อย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยการวาดภาพขาย โดยใช้เพียงเท้า คอ รักแร้ แล้วคุณละคะ หากคุณมีครบ มีพร้อม ทำไมคุณไม่ต่อยอดในสิ่งที่คุณมีสมบูรณ์กว่าเขาให้เลิศสะแมนแตนไปเลยละคะ ว่าไหม?!.... (ขอบอกตอนที่เข้าก้มลงคำนับแม่แทนการกราบ ณิคกี้ร้องไห้น้ำตาไหลไม่หยุดเลยล่ะค่ะ แบบว่ามันตื้นตันสุดๆ อ่ะ!)
ถ้าหากว่าวันนี้ใครท้อหรือบอกว่าไม่อยากส ู้แล้วละก็ วันนี้ดิฉันขอแนะนำ "คุณนุ้ย" หรือ นางสาวธนารี ฟุ้งภิญโญภาพ มาเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะคะ คุณนุ้ยเป้นตัวอย่างของสังคมที่ ดีที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แต่เธอกลับมุ่งมั่นตั้งใจเป็นคนดี และพยายามไม่ทำตัวให้เป็นภาระของบุคคลรอบข้าง จนสามารถทำงานส่งตัวเองเรียนจนจบการศึกษาจากม หาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช คณะนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์ โดยใช้เวลาศึกษาเล่าเรียนเพียง 3 ปีครึ่ง ช่างเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีมากๆ เลยใช่ไหมละคะ เพราะอย่างน้อยก็มีดิฉันคนหนึ่งละที่ปลื้มมากๆ ที่ได้เห็นภาพนี้ เพราะเธอก็เป็นน้องร่วมสถาบันเดียวกันด้วยนั่นเองค่ะ
คุณพัทธยา เทศทอง "แดง-กัปตันทีมบอคเซีย" แชมป์เหรียญทอง "บอคเซีย" พาราลิมปิค 2012 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เขาคือ อีกหนึ่งตัวอย่างที่เขากล้าลุกขึ้นสู้ชีวิต หลังจากที่เคยท้อแท้จนเกือบฆ่าตัวตายเพราะเจอเพื่อนๆ ล้อเลียนเสมอในวัยเด็ก แต่ต่อมาหลังจากคิดได้ เขาก็ไปเรียนหนังสือ และฝึกกีฬาบอคเซีย ดังนั้นความพากเพียรพยายามของทั้งเขาและเพื่อนๆ ในทีมก็ประสบความสมหวังหลังจากคว้าเหรียญทองมาฝากคนไทยได้สำเร็จ และได้รับเงินอัดฉีดนับล้านบาท เขาก็ยังมีฝันและตั้งใจว่าจะนำเงินจำนวนนี้ไปสร้างสนามกีฬา "บอคเซีย" ที่ จ.อำนาจเจริญ ให้น้องๆ ได้มีโอกาสฝึกซ้อม และจากการที่เขาประสบความสำเร็จในครั้งนี้เขาก็ได้คิดว่า "โลกนี้กว้างใหญ่ ควรคิดอย่างมีหวังและสู้ดีกว่าที่จะคิดสั้นๆ"
"คนบินได้ ที่คุณไม่ควรพลาดชม! เขาทำได้จริง"
นี่คือ ตัวอย่าง "การมีจิตนาการ ทำให้เป็นแรงขับเคลื่อนให้คนเราไปถึงฝันได้จริง"
ท่านที่ 4 ผู้สร้างสรรค์โลกออนไลน์ให้มีสีสัน ที่ตอนนี้ใครๆ ก็ให้ความสนใจกับ "เฟสบุค"(Facebook) ซึ่งผู้คิดค้นสร้างสรรค์เป็นเพียงหนุ่มน้อยอายุ 26 ปี คนนี้ ที่มีแนวคิดเกี่ยวกับการมีปฎิสัมพันธ์กับกลุ่มเพื่อนในมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ที่เขาศึกษาอยู่ แล้วเครือข่ายกลับค่อยๆ กว้างขึ้นๆ จนดังติดตาโดนใจผู้คนสนใจใช้สื่อสารกันไปทั่วโลกอีกเช่นกัน ของณิคกี้ก็ยังมีเลย เพราะยุคนี้ถ้าไม่มีจะถูกแซวว่าเชย ก็เลยเข้าไปลงทะเบียนใช้กับเขาด้วย แต่ก็ยอมรับว่าสังคมออนไลน์สมัยนี้พัฒนาไปมากจนตามแถบไม่ทันเลย แล้วท่านรู้ไหมว่าหนุ่มน้อยที่ชื่อ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก นี้ รวยติดอันดับต้นๆ ของสหรัฐอเมริกาเลยนะคะ ก็เพราะผลงานชิ้นนี้นี่เอง แต่พอเราได้รู้จักเขาจากรายละเอียดที่ค้นคว้ามาก็ได้รู้ว่าเขาเป็นคนสมถะตัวพ่อ กิน อยู่ แบบง่ายๆ ในห้องพักเล็กเท่านั้น ดังนั้นเศรษฐียุคใหม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง หันมาใช้จ่ายอย่างประหยัด เพราะทรัพยากรบนโลกเหลือน้อยเต็มทีแล้วค่ะ
แล้วท่านผู้อ่านที่กำลังจิตตก ท้อแท้ สิ้นหวัง ซึมเศร้า เหงาใจ ไม่มีทิศทางชีวิตที่จะพลิกมันขึ้นมาสู้ใหม่ ลองอ่านเรื่องราวพวกเขาแล้ว ก็คงจะมีความรู้สึกเหมือนดิฉันที่รู้สึกมีพลัง มีความหวัง มีกำลังใจที่อยากจะต่อสู้ เดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งกันดีไหมคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น