เมื่อครั้งยังเป็นนักเรียน กิจกรรมอันหนึ่งที่เป็นสิ่งที่ณิคกี้ให้ความสำคัญไม่แพ้เรื่องเรียนเลย ก็คือ การเล่นกีฬาค่ะ และกีฬาที่ณิคกี้รักและชอบเล่นมาก คือ "วอลเล่ย์บอล" เพราะทางโรงเรียนห้วยพุกวิทยา ต.ห้วยพุก อ.ดงเจริญ จ.พิจิตร (สมัยก่อนเป็นอ.บางมูลนาก) เขาส่งเสริมในสมัยนั้นมากๆ ดิฉันจำได้ดีว่าหนังในโทรทัศน์ยุคนั้นจะมีหนังญี่ปุ่นค่ะ เรื่อง "ยอดหญิงสิงห์วอลเล่ย์" หรือไงนี่แหล่ะค่ะ นางเอกก็คือ "จุงโคชิกะ" ซึ่งเป็นเหมือน "ไอเดิล" ของดิฉันเลยก็ว่าได้ ชอบมากกกกๆๆๆ เพราะลีลาลูกตบฟ้าฝ่า ลูกตบสลาตัน ลูกตบไม้ตาย ชอบจนฝาบ้านก็มีแต่รูปวาดของเธอเต็มเลย และเฝ้าคิดเฝ้าฝันว่า อยากเป็นนักกีฬาเก่งๆ แบบเธอบ้าง จึงหมั่นฝึกซ้อมกีฬาวอลเล่ย์บอลกับเพื่อนๆ ในทีมของโรงเรียนจนหน้าลอกเพราะกรำแดดไปหลายรอบเลยค่ะ เพราะเล่นแบบกลางแจ้ง ไร้โรงยิมเนเซียม แต่สิ่งที่ดิฉันภาคภูมิใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตก็คือ การได้รับคัดเลือกให้เป็นเด็กที่ถูกคัดตัวในโครงการช้างเผือกของจังหวัด และได้ใช้โอกาสนี้ขอรับทุนการศึกษาต่อที่โรงเรียนตั้งตรงจิตรพณิชยการ (ที่วัดโพธิ์) แขวง ท่าเตียน เขต พระนคร กรุงเทพมหานคร จนเป็นแชมพ์ได้ครองถ้วยเยาวชนของกรุงเทพมหานครด้วย ตอนนั้นจะประมาณปี 2531 ค่ะ สนามที่แข่งก็จะเป็นสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง สนามสวนลุมพินี สนามกีฬานิมิบุตรอินดอสเตเดียม สนามกีฬาเวช สนามกีฬาหัวหมาก และอีกหลายๆ แห่งค่ะ และมีหลายๆ ครั้งที่ทีมของเราสร้างกล้ามเนื้อด้วยการนำกระสอบทรายที่โค้ชนำมาให้ลัดที่หน้าแข้งทั้งสองข้าง แล้ววิ่งรอบวัดพระศรีรัตนศาสดารม หรือ "วัดพระแก้ว" จนฝรั่งที่เห็นต่างพากันอมยิ้มและหัวเรากันใหญ่ ไอ้เราก็อายซะ และเมื่อซ้อมเสร็จก็ถึงเวลาทานข้าวกลางวัน ก็อาศัยทานข้าวก้นบาตรของท่านพระครูที่กุฎิของท่านก็อยู่ติดกับรั้วโรงเรียนตั้งตรงจิตรฯ พอดีทานกันเสมอ นี่ก็เป็นประสบการณ์สุดยอดของณิคกี้เลยละค่ะ หากไม่มีวันนั้นก็คงไม่มีเรื่องเล่าในวันนี้ค่ะ
และแน่นอนเกมส์ทุกเกมส์ต้องมีการใช้สมอง ใช้พลัง ใช้สติ ดังนั้นทุกกิจกรรม ไม่ว่าการฝึกซ้อม การเก็บตัว การเรียนรู้ให้รู้เขารู้เรา การสื่อสารกันระหว่างเกมส์ (อย่างภาพข้างบน คือ การส่งซิกน์) การแก้เกมส์ การวางตัวให้เป็นต่อ การศึกษาเทคนิควิธีการเล่น การปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนๆ ร่วมทีม อันที่จริงไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬาประเภทเดี่ยว หรือประเภททีมก็ตาม ก็ควรมีสัมมาคารวะ อาวุโส การให้เกียรตินั่นเองค่ะ
จะเห็นได้ว่าทุกอย่างที่กล่าวมา มีอะไรๆ ที่ไม่แตกต่างกับการทำงาน การสร้างสรรกลยุทธ์อันชาญฉลาดที่ท่าน สามารถนำมา ปรับใช้ (Apply) กับการทำงานเครือข่ายได้ ที่กี้กล่าวอย่างนี้ก็เพราะว่า เห็นผู้ที่เป็นนักธุรกิจเครือข่ายเหมือนๆ ต่างก็สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง กี้ก็มาคิดไปคิดมาว่า "สิ่งใดเล่าที่ทำให้เขาก้าวไปไม่ถึงฝั่ง" และคำตอบก็มีมาจากการลองผิดลองถูก หลายๆ ครั้ง ที่เคยคิดแบบเดิมๆ ก็ลองตั้งโจทย์ใหม่ สมติฐานใหม่ ลองคิดหาหนทางใหม่ๆ แล้วก็ทำมันดู แน่นอน เรื่องเงินทุน คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้หลายๆ คนที่มีทุนมากหรือสายป่านยาวพอก็สามารถทำได้ แต่บางคนอ้างว่าไม่มีทุนในการทำงานพอ ต้องวิ่งรถไปไกลใช้น้ำมันเปลืองมาก เพื่อปิดการขายแบบเดิมๆ ก็มี บางคนคิดหาทางเปิดช่องทางให้คนเข้ามาในโลกออนไลน์ที่ตัวเขาได้เขียนให้คนอ่าน เพื่อศึกษาค้นคว้า ทำความเข้าใจก่อน แล้วท้ายที่สุดหากเขาสนใจเขาก็ติดต่อเข้ามาสอบถาม มาสั่งซื้อ แล้วเจ้าของเว็ปไซด์ ก็จัดส่งให้เขาทางไปรษณีย์ก็มี บางคนใช้ระบบวิทยุคลื่นสั้นจัดรายการวิทยุก็มีแล้วนำสินค้ามาโปรโมททำเป็นสป็อตโฆษณาเอาก็มี บางคนรอให้ลูกค้าเดินเข้ามาซื้อ (Walk In) ก็มี แต่นานแน่ๆ นานจนรอไม่ไหวเลิกทำไปเลยก็มาก บางคนเดินขายก็มี สุดแล้วแต่ท่านจะเลือกใช้ยุทธวิธีหรือกลยุทธ์ในการทำเครือข่ายกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่กี้อยากจะบอกก็คือ การทำการตลาดในยุคนี้สมัยนี้ ควรมีแนวทางดังต่อไปนี้ :-
1) ควรรู้ลึกรู้จริงในผลิตภัณฑ์ ในแผนการตลาด ในเงื่อนไขของบริษัทที่ทำ
2) ควรเลือกทำตลาดที่ทันหรือติดกระแส ได้รับความนิยม
3) ควรเปิดช่องทางของคุณให้ชาวโลกรู้จัก เพื่อสะดวกในการติดต่อได้หลายๆ ช่องทาง เช่นทำ Website ทำ Youtube ทำ Blogger การโพสต์ในเว็ปบอร์ด ทำรายการโทรทัศน์-วิทยุ เป็นต้น
4) ควรศึกษาข้อมูลของเราให้ทันเหตุการณ์ว่ามีสิ่งใหม่อะไรมาบ้าง ศึกษาคู่แข่งด้วย เรียกว่า "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง"
5) ควรเลือกทำตลาดที่มีทิศทางโตเร็ว น้ำหนักเบา ขนส่งสะดวก ความต้องการตลาดสูง และต่อเนื่อง
6) ควรมีแนวทางการบริหารงานร่วมกันในทีมงาน (Team work) เวลาเขาสื่อ แจ้ง บอกกล่าวอะไร ให้สื่อต่อไปให้เหมือนๆ กัน รับมุก-ส่งมุกกันเป็นอย่างดี (ตัวอย่างในรูปข้างบน ที่เขาส่งซิกน์กันข้างหลังนั่นไงคะ!) หลายๆ คนส่งซิกน์ไปก็เฉย ส่งผู้มุ่งหวังให้ปิดก็ไม่เพียรพยายามมากพอท้อแท้ สรุปก็ปิดไม่ได้ก็เยอะ
7) ควรมีมุมมอง หรือวิสัยทัศน์ที่กว้าง กล่าวคือ การส่งเสริมให้ทีมงานใต้องค์กรเติบโต โดยคุณที่เป็นผู้นำทีมงาน ช่วยหนุนนำ เสียสละ ให้โอกาส ส่งเสริม ผลักดันให้ฐานของคุณมั่นคงก่อน แน่นอน คุณอยู่ ณ ยอดบนสุด ก็จะสบายเมื่อปลายมือ เพราะฐานข้างล่างเหล่านั้นเข้มแข็งพอ เก่งพอ ยืนด้วยขาของพวกเขาเองได้จริง แน่นอนคุณก็เบาแรง และสามารถก้าวเข้าสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนได้ไม่ยาก
8) ควรคิดนอกกรอบ คำนี้กว้างนะ แต่บางท่านงงว่าคิดอย่างไร กี้ก็จะบอกว่า "สิ่งใดที่ย้ำคิดย้ำทำแล้วไม่สำเร็จ ก็หัดคิดใหม่ทำใหม่ลองวิธีใหม่ๆ ดูบ้าง ก็เท่านั้นเองค่ะ" เพราะสังเกตดูซิคะ สมัยนี้คนที่รวยติดอันดับโลก รวยติดอันดับของประเทศในสาขาอาชีพต่างๆ ล้วนแต่คิดไม่เหมือนใครก็มากใช่ไหมคะ เขาทำได้ เราก็ต้องทำได้ แม้อาจจะต้องใช้เวลานานมากก็ตาม ว่าไหมคะ?
9) ควรมองคนที่เขาเคยล้มเหลว คนที่ลำบากสุดๆ ว่าการที่พวกเขาก้าวเข้ามาสู่ความสำเร็จในท้ายที่สุดนั้นเขาคิดเขาทำกันอย่างไร ท่านลองศึกษาแนวคิดของพวกเขาดูซิคะ ว่ามันลึกซึ้ง จนไม่แปลกใจเลยว่า พวกเขาเหล่านั้นสมควรที่จะได้รับการยกย่องให้เป็น "แบบอย่าง" เป็น "Idle" นะเหมาะสมแล้วจริงๆ
10) ควรลงมือทำจริง เก็บข้อมูล ทำสถิติ ทำบัญชี หากเป็นสินค้ากลุ่มเกษตรที่เป็นปุ๋ย คุณก็ต้องใช้จริง ให้เห็นผล ว่าพืชที่ทดลองนั้น มีอาการเจริญเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้นไหม เช่น แตกดอก ออกช่อ เจริญงอกงามดีกว่าเดิม ผลผลิตมากกว่าเดิมไหม จะได้เป็นข้อมูลดิบที่ท่านสามารถใช้พูด ใช้เล่าให้ลูกค้า หรือผู้มุ่งหวังท่านฟังได้จริงๆ หรือผลอาจจะตรงกันข้ามก็ต้องสื่อเขาได้ เช่น ต้นพืชที่ใช้แล้วเกิดอาการเหี่ยวแห้ง แดงกรอบ ชอกช้ำ กว่าเดิมไหมเพราะอะไร เพราะต้นไม้ไม่โกหกท่านแน่นอน
11) ควรฝึกฝนเทคนิคในการพูดคุยให้ชำนาญ จังหวะไหนควรฟัง จังหวะไหนควรพูด จังหวะไหนควรปิด จังหวะไหนควรสรุป การฝึกฝนการพูดให้ตรงประเด็นเป็นต้นทุนที่คุณไม่ควรมองข้าม จะได้ไม่ตกม้าตาย
12) ควรขยายงานให้ครอบคลุมพื้นที่กว้างๆ เพื่อสร้างกระแสให้เกิดต่อเนื่อง โดยการมอบหมายให้ทีมงานวางตัวแทนให้มีทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตำบล ทุกหมู่บ้านได้ยิ่งดี เพราะยิ่งคุณมีโครงข่ายที่ลึก ที่กว้างมากเท่าใด ความมั่นคงย่อมเกิดขึ้นตามมาแน่นอน สังเกตง่ายๆ เช่น ธนาคาร ไปรษณีย์ เป็นต้น
13) ควรคิดเสมอว่า "การขายของท่านจะสำเร็จได้แท้จริง โดยถือว่าลูกค้าต้องได้รับสินค้าของเราไปใช้แล้วเรียบร้อยเป็นสำคัญเท่านั้น" ไม่ใช่ปิดการขายได้จริง รับเงินเขาแล้ว แต่ไม่ยอมส่งของให้เขาซะงั้น เอาเงินเขาไปใช้ไปหมุนจนหมดซะแล้ว ......"เอ้า...แล้วกัน" อย่างนี้ถือว่า "คุณเป็นผู้ที่คดโกง มันจะทำให้คุณไม่ได้รับความศรัธทาเชื่อถือ บารมีตก ทำกินไม่ขึ้นจ้า" ซิบอกไฮ่เด้อ...
"Lucky Number For The Good Scheme" นี้ ใครศึกษาดี เอาไปต่อยอด ขอให้รวย ขอให้สำเร็จ ขอให้ได้สมใจ ขอให้ได้ดังหวัง ขอให้ฝันของท่านเป็นจริงนะคะ
Y.I.C. Capsule Nano (อาหารเสริมพืช วายไอซี) เพียงกระปุกละ 2,500 บาท (สมัครสมาชิกตลอดชีพ 350 บาท) ราคาปกติ 3,500 บาท |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น