PHIKANES2515

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555

ผลกรรมของการทำแท้ง,หยุดการทำแท้งหยุดบาป,เด็กในท้องบริสุทธิ์เหมือนพระอรหันต์,แชร์ประสบการณ์ผ่านตีสิบ-บาปทำแท้ง 8 ศพ! 3.8.10 1/3, ตีสิบ-บาปทำแท้ง 8 ศพ 2/3,ตีสิบ-บาปทำแท้ง 8 ศพ 3/3,คิดก่อนทำไม่ช้ำใจทุกชาติ,เด็กถูกทำแท้งผิดอะไร,วิญญาณเด็กที่ถูกทำแท้งไปไหน,ฆาตกรฆ่าเด็กผู้บริสุทธิ์ใช่ใครกลายเป็นพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเศร้าไหม?!,ข้าวรายวันที่แม่ทิ้งลูกตามถังขยะบ่อยครั้ง ทำไมไม่รู้จักป้องกันนะ,แม่ที่ไม่พร้อมแต่กลับใจอ่อนยอมเขาง่ายสุดท้ายก็กลายเป็นคนใจร้ายฆ่าลูกได้ลงคอ






วันนี้วันที่ 19 มี.ค.55 ฉันก็ได้ไปบริจาคโลหิตเช่นเคยค่ะ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 22 ณ Blood Bank Section ใน ร.พ.สิริกิติ์  ระหว่างรอเจ้าหน้าที่พักรับประทานข้าวกลางวัน ฉันก็ไปหยิบหนังสือวารสารบรรเทิงมาอ่านก็รู้สึกไม่ยากอ่านซะงั้น แต่กลับดิ่งเข้าไปหยิบหนังสือธรรมะมาอ่านแทน  ซึ่งเนื้อหาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสถานปฎิบัติธรรมแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งเจตนารมณ์ของคณะผู้จัดทำหนังสือธรรมะครั้งนี้ ประสงค์จะสื่อให้ผู้อ่านได้รับแง่คิดเกี่ยวกับเรื่อง "การทำแท้ง" ซึ่งเมื่ออ่านจบทั้งเล่มเรียบร้อยแล้ว ผู้เขียนได้จดจำพอสรุปมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจวันรุ่น รวมทั้งเตือนสติผู้ชายที่คิดสนองความต้องการตนเองโดยการไปข่มขื่นผู้หญิงที่เขาไม่พร้อม แล้วเขาต้องฝืนใจไปทำแท้งเพราะกลัวสังคมประนามต่างๆ นานา ซึ่งความสูญเสียที่เกิดจากการกระทำกรรมเหล่านี้ มิใช่จะมีผลเพียงทำให้ฝ่ายที่ตั้งท้องหรือตั้งครรภ์ต้องเจ็บตัวเท่านั้น แต่ผู้บริสุทธิ์ที่หวังว่าจะได้ลืมตามาดูโลกก็ต้องหมดโอกาสได้ออกมาอีกต่างหาก ซึ่งตัวเด็กเองก็ปรารถนาจะได้มาเกิดในโลกใบนี้เหมือนคุณๆ ท่านๆ เหมือนกันนะคะ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรก็ลองอ่านดูดังต่อไปนี้ค่ะ....

ณ สถานธรรมแห่งหนึ่งซึ่งศรัธทาในองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมผู้มีเมตตาธรรมแก่ เทพ ผี มนุษย์ โดยจัดขึ้นทุกปีๆ ละ 3 วัน ผู้เล่าเรื่องในหนังสือธรรมะนี้ได้กล่าวถึงผลกรรมของการสร้างกรรมหนักที่เกิดกับเด็กทารกที่บริสุทธิ์ ผู้ที่หวังว่าเมื่อพ่อแม่ได้ปฎิสัมพันธ์กันแล้ว ตนเองก็จะได้มาจุติเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากหนักหนา ทำไมถึงกล่าวเช่นนี้ ก็เพราะว่า การที่คนจะเกิดมาได้นั้นต้องมีบุญพาวาสนาส่งจากผลกรรมในชาติปางก่อนที่สะสมมานานนักหนา ใช่ว่าใครจะเกิดกันง่ายๆ แต่พอเขาจะเกิดมาก็ไปตัดกรรม ตัดวาระเขาซะงั้น 

ดังในพระพุทธประวัติที่ครั้งหนึ่ง ท่านพระสารีบุตร ได้กราบทูลถาม พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "การที่เราจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากเพียงไหนหรือ?" "องค์สมเด็จฯ ไม่ตรัสตอบ แต่ใช้นิ้วจิ้มลงไปที่พื้นดิน แล้วยกขึ้นมาชู แล้วยื่นไปให้พระสารีบุตรได้เห็นเท่านั้น"  รวมความว่าพระองค์ท่านจะสื่อว่ายากมากๆ พื้นแผ่นดินกว้างแค่ไหน แต่พวกมนุษย์ที่โชคดีที่ได้เกิดมานั้นมีจำนวนแตกต่างกันมากนักหนา เปรียบได้ดั่งผงละอองธุรีที่ปลายมือของเราเท่านั้นนั่นเอง  เห็นไหมคะท่านผู้อ่าน พอดิฉันได้อ่านพบตรงนี้นะคะ พูดได้คำเดียวว่า "ปลื้มมาก" รู้สึกรักคุณพ่อคุณแม่และผู้มีพระคุณทุกท่านที่ได้ให้ความรัก ความเอาใจใส่ ดิฉันให้เติบใหญ่อย่างสมบูรณ์ทั้งกายและใจแบบนี้น่ะ..."เราโชคดีจัง" เล่าต่อดีกว่านะคะ.....
วันนั้นในชั้นประชุมได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องธรรมะ ประเด็น "การทำแท้ง" ก็เกิดมีเหตุการณ์ที่ประหลาดค่ะ คือ วิญญาณเด็กที่ถูกทำแท้งมาเข้าสมาชิกท่านหนึ่ง "ร่างนั้นร้องไห้ รำพึง รำพัน ถึงแม่ บ่นว่าหนาว หิวนม หายใจไม่ออก"  เป็นที่น่าเศร้าสะเทือนใจแก่ผู้ที่ร่วมประชุมในห้องดังกล่าวอย่างมาก  "ร่างนั้นบอกว่า หนูสู้ทนรอ ตั้งใจว่าอีกไม่นาน ไม่กี่เดือน หนูก็จะได้ลืมตาออกมาจากท้องแม่ และมีชีวิตที่สมบูรณ์เหมือนเด็กทั่วไป แต่เหตุการณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ หลายครั้งที่หนูสู้พยายามจะสื่อสารกับแม่  โดยเข้าไปในความฝันของแม่หลายครั้งๆ ก็ไม่เห็นแม่จะเข้าใจลูกคนนี้เอาซะเลย หนูจึงขอร้องว่าหากใครที่ไม่พร้อมที่จะมีพวกหนู ก็อย่าทำให้เกิดเลยดีกว่า และที่หนูมาวันนี้ เพราะหนูรู้ว่าแม่ของหนูก็อยู่ในห้องประชุมนี้ด้วยเช่นกัน จึงอยากจะบอกท่านผ่านร่างนี้ว่า หนูขอให้แม่มาหาหนู กอดหนู ถึงแม้เราจะไม่ได้มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในภพภูมิมนุษย์ด้วยเหตุที่แม่ไม่พร้อมก็ตาม แต่หนูจะขอให้แม่เล่าให้ผู้ที่เข้าประชุมฟังว่า เหตุใดแม่ถึงต้องทำแท้งหนู เพื่อเป็นการสร้างกรรมดี ชดเชยบาปกรรมที่ทำไว้กับหนู แต่หนูก็จะขอร้องให้ทุกท่านที่นั่งฟังอยู่ในห้องประชุมนี้รับปากกับหนูได้ไหมว่าจะไม่กล่าวประนาม กล่าวโทษแม่หนูให้ได้อายกับสิ่งที่แม่ทำไปโดยเหตุผลจำเป็นของแม่ครั้งนี้น่ะ"  และแล้วทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมก็รับปากกับร่างที่มีวิญญาณของเด็กที่ถูกแม่ทำแท้งแฝงอยู่ ว่า "พวกเราทุกคนในห้องประชุมนี้รับปากว่าจะไม่กล่าวโทษแม่ของหนูน้อยตนนี้เด็ดขาด"   สักครู่ใหญ่ ก็มีผู้ที่เข้าร่วมประชุม ซึ่งก็คือแม่ของหนูน้อยตนนี้ได้แสดงตัวออกมายอมรับว่าได้เป็นผู้ทำแท้งหนูน้อยตนนี้ด้วยตัวของเธอเอง  แต่ด้วยความสับสนปนความรู้สึกสะเทือนใจ ทั้งสองแม่ลูกได้กอดกัน ด้วยน้ำตา เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนในที่ประชุมนั้นมีความรู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่เห็นตอนนั้นยิ่งนัก และเธอก็ขอร้องว่าจะขอไม่เล่าในชั่วโมงนั้น  แต่จะขอทำใจปรับอารมย์ก่อน รอสักครู่ใหญ่เธอจึงขอให้ผู้เล่าได้ฟังเรื่องราวจากปากเธอเพียงลำพัง แล้วค่อยเขียนเป็นเรื่องราวมาให้ทุกคนได้รับรู้จากการอ่านต่อไป  

เรื่องราวก็มีอยู่ว่า คุณลืมคิด (นามสมมติ) เป็นหญิงสาวที่ไปหลงรักและได้เสียกับหนุ่มต่างจังหวัดคนหนึ่ง และเนื่องจากเธอกังวลว่าตัวจะไม่สวย เพราะระยะหลังๆ เธอน้ำหนักขึ้น อ้วนขึ้นกว่าปกติมาก จึงพยายามลดน้ำหนัก โดยการรับประทานยาลดน้ำหนัก ออกกำลังกายใช้ท่า Sit up บ้าง ทั้งตีทั้งตบหน้าท้องแรงๆ บ้าง เพื่อให้ไขมันละลาย โดยไม่เฉลียวใจเลยว่าที่เธออ้วนก็เพราะเธอกำลังจะเป็นแม่เด็ก เป็นแม่คนแล้วสักนิดเดียว เธอทำแบบนี้อยู่หลายวัน จนวันหนึ่งเธอมีรอบเดือน และที่ผิดปกติคือ เลือดก้อนหนึ่งออกมาเยอะมาก ตอนนั้นเธอท้องได้ประมาณ 2 เดือน แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไร คิดเอาเองว่าคงเป็นแค่ก้อนเลือดธรรมดา แล้วเธอก็เอาเลือดก้อนนั้นที่มีเด็กหนูน้อยนี้อยู่ในเลือดด้วยไปฝังไว้ที่ลานใต้ต้นมะม่วง  เพื่อไม่ให้อุจาดตา จนทำให้หนูน้อยลูกของเธอต้องตายไปเพียงเพราะเธออยากหุ่นดี อยากสวยให้สามีเธอสนใจมากกว่าสิ่งอื่นใด ซึ่งที่แท้ก็คือลูกของเธอนั่นเอง ที่เธอเองก็รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ว่าได้ จึงได้ลงมือฆ่าลูกน้อยผู้บริสุทธิ์ไปเรียบร้อยแล้ว

เมื่อหนูน้อยได้รู้เรื่องราวก็เข้าใจแม่และให้อภัยแม่ แต่หากได้ถึงวาระเกิดอีกหนูขอไปเกิดในท้องผู้ที่ใจงดงามและไฝ่ธรรมะ  ซึ่งหนูน้อยก็พอรู้ว่าเขาก็อยู่ในห้องนี้ด้วยเช่นกัน ลูกจะขอพรจากพระโพธิสัตว์เมตตาเขาได้ไหม หากเขาจะขอไปเกิดในครรภ์ของผู้ใฝธรรมะ ตัวแทนท่านพระโพธิสัตว์จึงกราบทูลถามจากพระโพธิสัตว์กวนอิมว่าจะเมตตาหนูน้อยนี้ได้ไหม แล้วพระแม่กวนอิมก็ทรงมีพระเมตตารับปากว่า"ข้าจะประทานให้ตามที่ขอแล้วกัน แต่ต้องแจ้งแก่พวกเขาก่อนว่ายินยอมไหมด้วยนะ"  และขณะนั้นในห้องประชุมนี้ก็มี 2 สามีภรรยาคู่หนึ่ง ได้รับการทาบทามจากตัวแทนองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ว่าคุณทั้ง 2 ยินดีที่จะเป็นพ่อแม่ของหนูน้อยไหม และแล้วสตรีผู้ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ได้ราว 6-7 เดือน พอดี เมื่อถูกตัวแทนองค์พระแม่กวนอิมถามว่า วิญญาณเด็กน้อยผู้น่าสงสารนี้จะขอไปเกิดเป็นลูกของเธอจะยินดีรับเขาไหม เธอไม่ปฎิเสธทั้งๆ ที่เธอมีฐานะไม่ค่อยดีนักก็ตาม และแล้วก็เป็นอันว่าเจ้าหนูน้อยผู้โชคดี  ก็เพราะทั้งว่าที่พ่อแม่ใหม่ยินดีรับว่าจะยอมรับเลี้ยงดู 

เป็นอันว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้คุณลืมคิดได้คิดว่าการทำอะไรไม่คิดให้รอบคอบ ไม่ป้องกัน ไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำให้เขาเกิดขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งชีวิตที่เขาก็เหมือนเรา เพียงแต่เขาไม่มีสิทธิ์เลือกว่าจะได้เกิดมา หรือได้เกิดมาเพราะคุณเพียงเปลี่ยนความคิด ยอมรับสภาพ อยู่กับความเป็นจริงที่ต้องเป็นแม่คน ดีกว่าให้ใครมาประนามว่าคุณ คือ พ่อแม่ใจยักษ์ ที่ฆ่าได้แม้แต่ลูกในไส้ เลือดเนื้อเชื้อไขของคุณเองแท้ๆ เขาบริสุทธิ์เหมือนพระอรหันต์ด้วยซ้ำไปนะคะ  ก่อนทำขอให้คิดพิจารณาให้ดี ว่า "บาปบุญคุณโทษ" มีจริง จะเห็นว่ามีหลายคนที่ได้เข้าไปร่วมทำกรรมหนักเกี่ยวกับการทำแท้งนี้ ไม่มีใครทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง มีแต่จะทรุด มีแต่เจ้ง จนร่มจม หมดเนื้อหมดตัวซะมากกว่า ไม่ช้าก็เร็ว  เพราะบาปกรรมอันเกี่ยวกับการฆ่า และยิ่งฆ่าผู้บริสุทธิ์ด้วยแล้ว จะเป็นบาปเคราะห์กรรมหนัก และแรงมาก เพราะผลจากการที่วิญญาณเด็กๆ น้อยเหล่านั้น ไม่สามารถไปเกิดได้ แต่จะวนเวียนรบกวนเจ้ากรรมนายเวรของเขา เหมือนการเอาคืนก็ว่าได้ บางท่านโดนหลอก โดนหลอน ไม่เป็นตาอยู่ตากินเลยนะคะ  เพราะผลกรรมที่ทำกับเขานั่นเอง  แล้วท่านล่ะคะ มีสมาชิก เพื่อนฝูง ญาติมิตร ที่คิดจะทำแท้ง ก็ให้รีบเตือนสติ ปรามๆ กันไว้ดีกว่านะคะ อย่างน้อยๆ ก็ช่วยให้เด็กผู้บริสุทธิ์ได้เกิดมาสมบูรณ์ดีกว่าค่ะ คิดสักนิด คิดนานๆ ว่ามีลูกเมื่อพร้อม ไม่ตรอมใจ ไร้ทุกข์ กันดีกว่านะคะ  หากรักสนุกก็ต้องป้องกันให้ดี ถุงมีควรใช้ ยามีกินคุมได้ แต่ให้หวังผล 50% นะคะ ดูอย่างที่ผู้แชร์ประสบการณ์ใน Youtube ซิคะ ขนาดหลั่งข้างนอกก็ยังไม่วายเลยนะคะ  สรุปว่า รักดีๆ หามจั่ว รักชั่วหามเสา" "กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง"

ภาพน้องน้อยถูกแม่ใจร้ายเหวี่ยงทิ้งจากหอพัก มาติดหลังคาบ้านด้านล่าง 
สายรกยังไม่ได้ตัดด้วยซ้ำ เป็นภาพที่เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้เองก็ยังทำใจไม่ได้
กับสภาพที่น่าสงสารน่าเวทนาของเด็กน้อยที่รอดชีวิตอย่างอัศจรรย์
ดิฉันอยากถามเธอผู้เบ่งหนูน้อยคนนี้จังว่า
คุณไม่พร้อมแล้วทำไมคุณถึงไม่ป้องกันให้ดีล่ะหา?!

ท้ายนี้ฝากให้ท่านผู้อ่านที่ได้มีโอกาสอ่านเรื่องราวข้างบนนี้ แล้วอยากจะแชร์ประสบการณ์ของท่านมาเล่าสู่กันฟังบ้าง  ดิฉันยินดีรับฟัง รับปรึกษานะคะ เพราะอย่างน้อยๆ เราเป็นเพื่อนมนุษย์กันนะคะ


  


เด็กน้อยคนนี้ ชื่อ "น้องต้นหอม" เธอก็น่าสงสารค่ะ ได้อยู่แต่กับแม่ เพราะครอบครัวของเธอมีปัญหาที่พ่อแม่ต้องแยกกันอยู่ แต่แม่ของเธอก็อดทนเลี้ยงเธอลำพัง โชคดีที่มีคุณตาคุณยายช่วยสงเคราะห์อุปการะเลี้ยงดูตามหน้าที่ของคนเป็นพ่อเป็นแม่โดยแท้จริง  ทำให้หนูน้อยคนนี้ที่มีฐานะเป็นหลานสาวของดิฉันโชคดีที่ได้เกิดมาสมบูรณ์แข็งแรงฉลาดสมวัยนั่นเองค่ะ  แล้วท่านที่คิดจะทำแท้งละคะ เห็นเด็กน้อยตาดำๆ ใสซื่อบริสุทธิ์น่ารักอย่างนี้ แล้วจะทำลายเขาได้ลงคอหรือคะ คิดใหม่นะคะ ดิฉันเชื่อว่าคุณเข้มแข็งพอที่จะเป็นคุณแม่ที่ดีคนหนึ่งได้บนโลกมนุษย์ใบนี้ค่ะ  


ณิคกี้ (ผู้เขียน) กับหลานสาว "น้องต้นหอมจอมซน"







แม่นุ้ย กับ น้องต้นหอม ที่บึงสีไฟ จ.พิจิตร
เรื่อง หมาขี้เรื้อนเปลื่ยนคนใจดำ

        เรื่องมีอยู่ว่า พี่ชิตแกเป็นคนใจดำครับ ชอบยิงนกตกปลาไปเรื่อยแต่ที่หนักก็คงเป็นเนื้อหมา แกกินแหลกครับแต่ แม่แกบอกมันบาปนะลูก(ไม่สนโว้ย) เมื่อราว 15 ปีก่อน มีเหตุการณ์ที่ทำให้แกเปลี่ยนไปครั้งนั้นมีหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งครับมันมักวิ่งไปหาของกินแถวๆบ้านแกบ่อย เพราะบ้านแกติดตลาด พี่แกกินหมาอยู่บ่อยๆแต่ กรณีหมาขี้เรื้อนแกบอก 'xxxกินไม่ลงว่ะ' แกทำอย่างเดียวคือไล่ฆ่า แต่มันรอดได้ทุกครั้ง (สงสัยมีของ)
มันไปหาของกินทีบางทีก็ได้บางทีก็ไม่ได้คราวนั้นเนื้อแห้งที่แกตากไว้หายไปพอมองไปก็เห็นแม่หมาขี้เรื้อนวิ่งหลุนๆไป แกเดือดทันทีครับวิ่งตามไป  คราวนี้ทันครับเพราะหมาขี้เรื้อนวิ่งช้ามาก แกทุบไปทีเดียวหมานั่นล้มลงชักทันที (แกบอกว่าหากตีตรงจุด แค่ใช้ไม้บรรทัดก็ตาย) แกทิ้งไว้ตรงนั้นไม่อยากจับแต่จะทำกินตรงนั้น จึงกลับบ้านไปเตรียมของ
(แค้นจัดอยากกินหมาขี้เรื้อน) ให้ผมเฝ้าไว้ผมก็มัวแต่เก็บตะขบจนลืมดู (ในใจอยากให้มันรีบไปจะได้ไม่ตาย) มันไปจริงครับหายวับไป พี่ชิตแกโกรธมากคงอยากเตะผมเต็มแก่ แต่ลุงผมแกเป็นนักเลงใหญ่และเป็นคนสอนวิธีฆ่าหมาให้ ก็ต้องวิ่งตามอย่างเดียวพร้อมบ่'ทำไมมันไม่ตายวะ' พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงหมาเห่าแกตามทันทีพอไปถึง ภาพทีเห็น .......
หมาขี้เรื้อนกำลังจะตายมันมีลูกที่ต้องเลี้ยง 5 ตัวครับวัยกำลังหย่านมบางตัวยังกินนมอยู่ บางตัวก็วิ่งไปคาบเนื้อที่แม่หมาขี้เรื้อนคาบไปฝาก (เห็นกับตา) ที่มันยังไม่ยอมตายเพราะต้องกลับไปให้นมลูก แม้น้ำนมแห้งกรังเอาอาหารไปให้ลูกมัน เรียกลูกๆเพื่อให้นม ให้อาหาร เป็นครั้งสุดท้าย แม่หมาพยายามอย่างดีที่สุด
มันมองผมกับพี่ชิตอย่างขอร้อง ขอให้มันให้นมลูกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย
ไม่อยากเชื่อนั่นคือน้ำตาของหมาขี้เรื้อน มันแค่ต้องการให้นมลูกก่อนตาย
พี่ชิตไม้หล่นลงกับพื้น เดินเข้าไปดูแม่หมานั่น ในยามนั้นสิ่งที่แกเห็นไม่ใช่หมาขี้เรื้อน  แต่แกเห็นแม่ที่ยิ่งใหญ่ที่ทนเจ็บกลับไปหาลูก แกไม่พูดอะไรทุกอย่างจุกอยู่ที่ลำคอสายตาอ่อนโยนลง ลูกหมาตัวหนึ่งวิ่งไปหาแกกระดิกหางให้ แกอุ้มลูกหมาขึ้นพร้อมพูดว่า 'ขอโทษ' พูดได้แค่นั้นแม่หมาก็ตาย
เราช่วยกันฝังแม่หมาแกรับเลี้ยงหมานั่นไว้ทั้ง5ตัวตั้งแต่นั้นแกกลายเป็นคนใจดีไม่ไล่ยิงนกยิงหมายิงแมวอีกแกบอก 'มันอาจมีลูกรออยู่ก็ใด้' เมื่อ 12 สิงหา 2 ปีที่แล้ว แกเอามะลิร้อยเป็นพวงไปให้แม่ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำ พูดกับแม่ว่า 'แม่ตอนผมอายุ16 แม่สอนผมยังไงนะสอนอีกหนใด้ไหมครับแม่แกน้ำตาคลอพูดไม่ออก ไม่อยากเชื่อแม่หมาขี้เรื้อนตายไป 1 ตัวกลับทำให้คนใจดำอย่างแกเปลี่ยนไปขนาดนี้

กี้หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับ"ว่าที่คุณแม่"ทั้งหลายที่กำลังตั้งครรภ์แล้วคิดจะทำลายเขาละก็ คงจะได้คิดนะคะ ว่า "แม้แต่หมามันยังรักลูก"เลย  แล้วคุณละ?!



          



 





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น