PHIKANES2515

วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ณิคกี้เป็นคนบ้าใช่หรือไม่?!, เกิดมาเพื่อใช้เศษกรรม ตอนที่ 8, คนพูดคนเดียวเหมือนคนบ้ามีเยอะในยุคนี้, เราก็เหมือนคนบ้าที่พูดคนเดียวด้วยหูฟังบูธูท, เคยมีคนทักว่าคุณจะบ้านะ ท่าจะจริงก็วันนี้, แรงบันดาลใจที่ทำให้คุณเหมือนคนบ้าได้เหมือนณิคกี้, เปลี่ยนชื่อแก้เคล็ดยอมรับความจริงไปเลยว่า ณิค และ/หรือ ณิคกี้ Nick (n.) แปลว่า รอยแหว่ง,ไม่เต็ม, อยากรู้จักณิคกี้ต้องอ่าน, คนบ้าขายปุ๋ยมีจริง คือ ณิคกี้ นี่เองจ้า

  http://www.phikanesplaza.com  มีสินค้าการเกษตรไว้บริการท่านมากมายค่ะ
 "ณิคกี้" คนกล้า บ้าบิ่น อินชีวิต
"ณิคกี้" คนบ้า พาจิต พิชิตฝัน
ณิคกี้ว่า  คนล่า หาสิ่ง ที่ดีกัน
คนน่าดัน ฉันเชียร์ ไม่เสียแรง

นอนบริจาคโลหิต ครั้งที่ 25 ก่อนวันเกิด ที่ ร.พ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
ที่หูณิคกี้ข้างขวาสวมหูฟัง/บูธูท อยู่ เพื่อความสะดวกในการให้บริการลูกค้า
และทุกคนที่ติดต่อเสมอ และอีกอันที่สำคัญมากๆ ก็คือตอน "ขับรถ" ค่ะ

เมื่อราวกลางปี 2548 หลังจากที่ดิฉันเพิ่งมีเรื่องกระทบกระเทือนใจครั้งยิ่งใหญ่ เพราะได้สูญเสียคนในครอบครัวอันเป็นที่รักไป อย่างครอบครัวพี่สาวถึง 3 คน และหลังจากนั้นไม่นานนัก ก็ประจวบเหมาะกับเพื่อนในที่ทำงานเขาเครียดเรื่องงานมากๆ จึงได้เชิญอาจารย์ที่มีความสามารถเกี่ยวกับศาสตร์ไพ่ทาโร่ มาดูให้ถึงที่สำนักงาน  แล้วเมื่อถึงคิวของดิฉัน อาจารย์ท่านนี้ก็ได้ให้ดิฉันเลือกไพ่มา แล้วก็ทักไปตามความหมายของไพ่นั้นๆ แล้วจู่ๆ ท่านก็ทักมาว่า อนาคตคุณอาจจะ "บ้า" ก็ได้นะ  คนเราตั้งแต่ไหนแต่ไร สมัยโบร่ำโบราณ บอกว่า "จิ้งจกทัก" ก็ให้ระวังตัวให้จงดีนะ  แต่นี้คนเป็นๆ ทักนะ  ไอ้เราก็งง เอ๊..อะไรวะ ปัจจุบันหน้าที่การงานของเราก็จัดว่าดีนะ เป็นถึง เลขานุการกรรมการผู้จัดการ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง รับงานทีก็หลายสิบล้าน  จู่ๆ จะมามีเหตุให้เป็นบ้าเป็นหรั่งเนี่ยนะ  งานเข้าแล้วซิเรา....  (แต่อยู่มาไม่นานราวๆ 4 ปีให้หลังจากนั้นมา บริษัทแห่งนั้นก็จำเป็นต้องปิดตัวลงเพราะล้มละลาย พนักงานอย่างเราหนึ่งในร้อยชีวิตก็ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเรียกร้องสิทธิ์ประโยชน์ของพนักงานกันไปตามระเบียบ  เอชักยังไงๆ แล้วซิทีนี้)

ซึ่งก่อนที่บริษัทจะปิดตัวลง เหตุการณ์ในที่ทำงานก็ยังเป็นปกติดีอยู่ แต่สำหรับดิฉัน ณ ตอนนี้ยอมรับว่า เป็นธรรมดาที่คนเราเมื่อได้ยินได้ฟังเรื่องแบบนี้ ก็อดคิดมากไม่ได้  จนสุดท้ายดิฉันก็ได้ชวนลูกสาวไป"บวชชีพราหมณ์" ช่วงที่ลูกปิดเทอม เพื่อจะค้นหาตัวตนทางธรรมดูบ้าง  เพื่อจะได้นำมาปรับใช้ในทางโลกต่อไป  ในที่สุดก็เป็นอย่างที่เห็นในภาพค่ะ  หลังจากไปบวชอยู่ที่วัดขุนสงฆ์ศรัทธาราม ที่ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี อยู่ 3 วัน เสร็จเรียบร้อยแล้ว  ต่อมาไม่นานจากนั้น วันๆ ก็นั่งพูดคนเดียวบ้าง ตัวสั่นๆ บ้าง เหมือนมีอะไรแทรกเข้ามาในตัวเรา แล้วเราจะควบคุมตัวเองได้บ้าง  ไม่ได้บ้าง สับสนกับสิ่งที่สัมผัส ซึ่งคนรอบข้างไม่เข้าใจเราแน่นอน เหมือนกับว่าเราเริ่มมีสิ่งพิเศษทางโลกวิญญาณสื่อสารกันได้แบบอัศจรรย์ เหมือนเรากับเขาสามารถปรับจูนช่องตรงกันแบบที่คนธรรมดาทั่วไปทำไม่ได้ พูดภาษาแปลกได้ บ้างก็ว่าเป็นภาษาเทพบ้างก็มี เดี๊ยวเสียงแขก เสียงจีน เสียงสัตว์ บ้างก็บอกว่านี่คือ "พันธะสัญญาเดิม ที่ติดตามมาในภพภูมินี้ที่ต้องสานต่อ" งงไปหมด ทีนี่ก็เริ่มเครียดเข้าไปอีก ดิฉันจึงเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่สามารถจะดูตัวเรามีองค์เทพเทวาอะไรมาคุ้มครองร่างกายสังขารอีก จนกระทั่งได้ทราบคำตอบ  แต่พอรู้แล้วก็ต้องปฎิบัติให้ถึง รักษาศีลให้สม่ำเสมอ และพยายามครองตัวให้คิดดี ทำดี สังคมจะได้ดีๆ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เสียสละช่วยคนอื่นบ้าง โดยการให้คำแนะนำในการดำเนินชีวิตโดยอาศัยแนวคิดทางธรรมะนำทางสว่างแก่พวกเขาทางโทรศัพท์ให้กับเพื่อนชาวโลก(มีจิตสาธารณะ) ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ทุกวันๆ จนครอบครัวรู้สึกอึดอัด กับการที่เราเริ่มทำให้บ้านไม่เหมือนบ้านเข้าไปทุกทีๆ พอนึกย้อนไปถึงคำพูดของอาจารย์ท่านแรกที่ทักว่า คุณอาจจะ "บ้า" นะ  ดิฉันก็มาตีความว่า แน่ละ อะไรที่คนธรรมดาสามัญเขาเป็นกัน แล้วเราผ่าทำสิ่งที่ผิดปกติวิสัยไป ย่อมไม่พ้นคนมองว่า "แปลก พิเรน เพี้ยน หรือ บ้า" แน่นอน แต่ถ้าการกระทำของเรานั้นไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครเขาก็คงไม่เป็นไร  แต่จะว่าไปก็อดมีไม่ได้เหมือนกันที่ดิฉันเผลอไปทำให้แม่ค้าในตลาดสด ต้องเสียเวลาหันมามองเพราะว่าอะไรรู้ไหมคะ  คือ พักหลังๆ นี้เมื่อดิฉันงานยุ่งมากขึ้น ลัดตัวมากขึ้น จนทำให้เวลาที่ไปทำหน้าที่แม่บ้านเพื่อซื้อกับข้าวจ่ายของจำเป็นอยู่  มือทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยของ จึงอาศัย "หูฟัง หรือ บูธูท" ใส่ไว้ที่หู เพื่อใช้ฟังใช้พูดโต้ตอบสื่อสารกับลูกค้าและคนที่ติดต่อ จึงพูดไปๆ ต่อหน้าแม่ค้า ตอนกำลังรอรับกับข้าวที่เขากำลังตักให้อยู่ ทางฝ่ายแม่ค้าหลายๆ ร้านต่างพากันหันมามอง แบบงง ว่า "เธอพูดกะฉันหรือ" ฝ่ายเราก็รีบตอบว่า "อ๋อ ขอโทษค่ะ พอดีดิฉันกำลังพูดกับลูกค้าอยู่ค่ะ"  แล้วเวลาที่คนเราพูดตอนสวมหูฟังนั้น มักจะควบคุมเสียงตัวเองค่อนข้างลำบาก ส่วนมากมักจะดังเว่อร์ ดูเห่อน่าเต๊ะ อะไรประมาณนั้น  เมื่อกลับถึงบ้านดิฉันก็อดคิดไม่ได้ว่า เวลาที่ดิฉัน "ยืนพูด นั่งพูด เดินพูด วิ่งพูด คนเดียว" นั้น มันก็เหมือนคนบ้าจริงๆ นะคะ เอาเป็นว่า ณิคกี้(Nicky) ชื่อเดิม คือ "หนิงหน่อง" ถึงจะบ้า แต่ว่าไม่โง่แล้วกันค่ะ และก็ไอ้คนบ้าคนเนี่ยไปดูงานและไปเที่ยวมาหลายประเทศแล้วด้วยนะคะ เช่น พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย จีน(เมืองคุนหมิง) ฮ่องกง(ก่อนโอนกลับสู่การปกครองของจีน) ไต้หวัน และ สหรัฐอเมริกา  สำหรับจังหวัดในประเทศไทยที่ได้นั่งนับดูว่าจังหวัดไหนที่ดิฉันยังไม่ได้ไปบ้างก็เหลืออยู่อีกแค่ 12 จังหวัด ซึ่งก่อนตายจากโลกนี้ไปก็ตั้งใจว่า "จังหวัดที่เหลือนี้ดิฉันต้องไปให้ครบแน่นอนค่ะ"  และเร็วๆ นี้ ดิฉันก็จะบินไปเที่ยวพักผ่อนที่ประเทศจีนเป็นครั้งที่ 3 ที่ "ปักกิ่ง" ค่ะ  สำหรับประเทศเพื่อนบ้านเราอย่าง ประเทศลาว กัมพูชา และเวียดนาม นี่ก็เป็นอีกเป้าหมายหนึ่งที่ดิฉันต้องหาโอกาสไปให้ได้เช่นกันค่ะ
เตรียมตัวแชร์ประสบการณ์ทำงานการตลาดของ YIC. ที่ จ.สระบุรี

หลังจากไปบวชชีพราหมณ์รอบแรกกลับมาบ้าน ก็เป็นแบบนี้บ่อยๆ
จนคนในครอบครัวเป็นห่วง

ไปบวชชีพราหมณ์รอบที่ 2 ดีขึ้น เข้าใจทางโลกทางธรรมมากขึ้นดูหน้าตาไม่เครียด

รักธรรมชาติ ป่าเขา ทะเล น้ำตก เหมือนหลายๆ คนที่ชอบโลกแห่งการผจญภัย
นี่คือตัวตนตั้งแต่เล็กจนโตค่ะ
 
คนบ้า! เริ่มค้นหาตัวเองจนเจอ ก็วันนี้ ที่ต้องกลับมาลุยเรื่องการเกษตร
เพื่อเลี้ยงปากท้องและครอบครัว เพราะกลัวอด



คนบ้า! ต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงานหนัก เพราะรู้ว่า การทำงาน นำพาให้ได้เงิน ทั้งวิ่งทั้งเดิน ไม่มัวขัดเขินอับอาย เพราะทุกวันนี้ คนดีหลายๆ คน เขากล่าวกันว่า "ด้านได้ อายอด"
ดังนั้นคนบ้าแบบณิคกี้ ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ลุยโลด





คนบ้า! ก็กลัวป่วย กลัวเจ็บเป็นเหมือนกันนะคะ เอาเป็นว่า รู้แล้วก็ต้องรักษาไว้ให้ดีแล้วกันนะ



ที่แน่ๆ คนบ้า คนนี้ ก็โชคดีที่มีคนอนุบาลที่น่ารักแสนจะใจดี แม้หน้าตาจะโหดไปหน่อย แต่เขาก็คอยเฝ้าดูแลเอาใจใส่ให้ดิฉัน จนทำให้คนดีๆ หลายคนแบบอิจฉาตาร้อนกันไปเป็นระนาวเลย
 
ณิคกี้กับทีมงาน WE ARE WE YIC.ONLINE #1
(แล้วไหง! ทำไม"คนบ้า"ถึงสามารถ Training คนดีให้เป็นงานได้กว่าเดิมเล่านะ!)


สำหรับอาจารย์ท่านที่สอง ก็ได้ทักมาอีกว่า "คุณสองคนจะเป็นเหมือน พ่อมด กะ แม่มด เลยก็ไม่ปาน" (แหม! ดิฉันนึกในใจนะคะว่า เรานี้นอกจากจะ "บ้า" แล้วยังเพี้ยนหนักถึงขั้นเป็นคล้ายๆ แม่มดพ่อมดกันอีกต่างหาก ว้าว! อะไรจะปานนั้น) มาลองนึกดูก็คล้ายเหมือนกันนะคะ  เพราะว่าทุกวันนี้เราเป็นนักเขียนอิสระทางโลกออนไลน์ทั้งคู่ และวิธีการเช็ค Rating ผลงานการเขียนของเราว่ามีใครมาติดตามผลงานการเขียนมากน้อยแค่ไหนต่อวัน ต่อสัปดาห์ ต่อเดือน และต่อปี กี่คนที่มาอ่าน กี่เรื่องที่คนชอบดูชม กี่จังหวัด/กี่ประเทศ ที่เขาเข้ามาดู คำที่เขานิยมใช้เวลาค้นหามาคือคำว่าอะไรบ้างนะ เราทราบหมด แบบ Realtime โดยดูจาก Google Analytics แล้วมันก็เหมือนว่าเรามีลูกแก้ววิเศษ คอยเช็คสถานการณ์ได้ตลอดเวลาอย่างน่าประทับใจที่การบริการของ Google Analytics ซะจริงๆ เลยค่ะ  และสำหรับภาพข้างบนนี้ ท่านเห็นไหมคะ ว่าเราสองคนโผล่หน้าตามาถ่ายรูปกับทีมงานตัวเป็นๆ นั้นได้ก็โดยอาศัยโปรแกรม Skype ส่งภาพมาทาง Internet online แล้วเชื่อมต่อมาที่จอภาพของ TV จอแบนที่ผนังได้สบายเลยค่ะ ดูแล้วอบอุ่นมากเลย เหมือนเสกตัวเองเข้ามาอยู่ในบ้านของทีมงานที่จ.พิษณุโลก ได้เลยทั้งเสียงทั้งภาพเคลื่อนไหวนั่นเองค่ะ  http://www.phikanesplaza.com  (มีสินค้าเกษตรไว้บริการทุกท่านมากมายค่ะ)







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น